ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: หุ้นยุโรปปิดบวกทำนิวไฮรับปีใหม่ เชื่อมั่นเศรษฐกิจฟื้นตัว

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday January 4, 2022 06:42 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกในวันจันทร์ (3 ม.ค.) ที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในการซื้อขายวันแรกของปีใหม่ ท่ามกลางความเชื่อมั่นที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง แม้จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 พุ่งขึ้นจากการแพร่ระบาดของไวรัสสายพันธุ์โอมิครอนก็ตาม

ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 489.99 จุด เพิ่มขึ้น 2.19 จุด หรือ +0.45%

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,217.22 จุด เพิ่มขึ้น 64.19 จุด หรือ +0.90% และดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 16,020.73 จุด เพิ่มขึ้น 135.87 จุด หรือ +0.86% ส่วนตลาดหุ้นอังกฤษปิดทำการในวันจันทร์เนื่องในวันหยุดชดเชยวันขึ้นปีใหม่

ดัชนี Stoxx Europe 600 พุ่งขึ้น 22.4% ในปี 2564 ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นรายปีดีที่สุดอันดับ 2 นับตั้งแต่ปี 2562 เนื่องจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ, การขยายตัวของผลประกอบการ และการระดมฉีดวัคซีน ทำให้นักลงทุนเชื่อมั่นในการเข้าลงทุนในตลาดหุ้น

หุ้นกลุ่มรถยนต์ บวก 2.4% และนำตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวขึ้น หลังการเปิดเผยรายงานการผลิตในเชิงบวก และผู้ผลิตรถยนต์ระดับโลกได้รายงานเป้าหมายการผลิตประจำปี อาทิ ฮุนได และเทสลา

หุ้นกลุ่มธนาคาร ปรับตัวขึ้น 0.9% หลังอัตราผลตอบแทนพันธบัตรยูโรโซนปรับตัวขึ้น โดยหุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวขึ้นมากที่สุดในตลาดหุ้นยุโรปในปี 2564 เนื่องจากเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นทำให้บรรดาเทรดเดอร์คาดว่าจะมีการคุมเข้มนโยบายการเงินเร็วขึ้นทั่วโลก

หุ้นแอร์บัส ปรับตัวขึ้น 3.4% หลังแหล่งข่าวเปิดเผยว่า แอร์บัสได้ส่งมอบเครื่องบินเกิน 600 ลำในปี 2564

หุ้นลุฟท์ฮันซ่า พุ่ง 8.9% หลังซิตี้ปรับเพิ่มคำแนะนำลงทุนเป็น "ซื้อ" จาก "ขาย" โดยคาดว่า สายการบินลุฟท์ฮันซ่า จะได้ประโยชน์จากการเปิดเส้นทางบินในเอเชีย โดยเฉพาะจีน

หุ้นแอร์ฟรานซ์ เคแอลเอ็ม ปรับตัวขึ้น 4.9% หลังโบรกเกอร์แนะนำให้คงน้ำหนักการลงทุน (neutral)

ไอเอชเอส มาร์กิต ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการข้อมูลทางการเงิน เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นสุดท้ายของยูโรโซน ปรับตัวลงเพียงเล็กน้อยที่ระดับ 58.0 ในเดือนธ.ค. จากระดับ 58.4 ในเดือนพ.ย. ซึ่งสอดคล้องกับข้อมูลคาดการณ์ขั้นต้น

ดัชนี PMI ยังคงปรับตัวสูงกว่าระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ว่า ภาคการผลิตของยูโรโซนยังคงมีการขยายตัว เนื่องจากปัญหาห่วงโซ่อุปทานชะงักงันเริ่มคลี่คลายลง รวมถึงยอดการสั่งซื้อวัตถุดิบที่ปรับตัวขึ้นอย่างมาก

ขณะที่จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วทั่วโลก แต่นักลงทุนก็คลายความวิตกจากการที่ไวรัสสายพันธุ์โอมิครอนนั้นมีความรุนแรงน้อยกว่าสายพันธุ์เดลตา


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ