ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าผันผวน หลังจากที่จีนเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจบางรายการที่ชะลอตัวลง เนื่องจากมาตรการควบคุมโควิด-19 กระทบการใช้จ่ายของผู้บริโภค ขณะเดียวกัน แบงก์ชาติจีนยังประกาศลดดอกเบี้ยนโยบาย 0.10% เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนเม.ย. 2564
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดภาคเช้าที่ 28,318.54 จุด เพิ่มขึ้น 194.26 จุด หรือ +0.69% และดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าที่ 24,240.11 จุด ลดลง 143.21 จุด หรือ -0.59%
สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน(NBS) รายงานในวันนี้ว่า ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนธ.ค.ปรับตัวขึ้น 4.3% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งเพิ่มขึ้นจากเดือนพ.ย.ที่ขยายตัว 3.8% และแข็งแกร่งกว่าที่นักวิเคราะห์ในโพลสำรวจของรอยเตอร์คาดว่าจะปรับตัวขึ้น 3.6%
ส่วนผลผลิตภาคอุตสาหกรรมตลอดปี 2564 ของจีนปรับตัวขึ้น 9.6% เมื่อเทียบรายปี โดยผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเป็นดัชนีชี้วัดทางเศรษฐกิจที่สำคัญของจีน
อย่างไรก็ดี ยอดค้าปลีกเดือนธ.ค.ของจีนขยับขึ้น 1.7% เมื่อเทียบรายปี ซึ่งชะลอตัวลงจากเดือนพ.ย.ที่ขยายตัวแข็งแกร่งถึง 3.9% และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 3.7% ส่วนยอดค้าปลีกตลอดปี 2564 ของจีนปรับตัวขึ้น 12.5% เมื่อเทียบรายปี
ขณะที่ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ปี 2564 ของจีนขยายตัว 8.1% ซึ่งเป็นอัตราการขยายตัวที่แข็งแกร่งที่สุดในรอบ 10 ปี เนื่องจากอุปสงค์ภายในประเทศฟื้นตัวจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยขยายตัวรวดเร็วกว่าปี 2563 ที่มีการขยายตัวเพียง 2.2% ซึ่งบ่งชี้ว่าผู้บริโภคและภาคเอกชนมีความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจของประเทศ
อย่างไรก็ดี ตัวเลข GDP ในไตรมาส 4/2564 ของจีนขยายตัวเพียง 4% เนื่องจากแนวโน้มเศรษฐกิจในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีได้ถูกบดบังด้วยการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยเฉพาะสายพันธุ์โอมิครอน
นอกจากนี้ ธนาคารกลางจีนยังประกาศลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ประเภท 1 ปีซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ลง 0.10% สู่ระดับ 2.85% ในวันนี้ ซึ่งเป็นการลดดอกเบี้ยครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนเม.ย. 2564 และยังได้อัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบการเงินจำนวน 2 แสนล้านหยวน (3.15 หมื่นล้านดอลลาร์)
นักวิเคราะห์จากบริษัท Guosheng Securities กล่าวว่า การที่จีนตัดสินใจปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในวันนี้ บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจจีนมีแนวโน้มชะลอตัวลง และการดำเนินการดังกล่าวมีเป้าหมายที่จะฉุดต้นทุนการกู้ยืมให้ลดลงเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ