ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าร่วงลงตามทิศทางตลาดหุ้นสหรัฐ ซึ่งถูกกดดันจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐที่พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 2 ปี ซึ่งฉุดให้หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีร่วงลงอย่างหนักจากแรงเทขาย
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดภาคเช้าที่ 27,744.84 จุด ร่วงลง 512.41 จุด หรือ -1.81% และดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าที่ 24,117.26 จุด เพิ่มขึ้น 4.48 จุด หรือ +0.02%
โมนา มาฮาจาน นักวิเคราะห์จากบริษัท Edward Jones Investments กล่าวว่า หุ้นเติบโต (Growth Stocks) ซึ่งมีความอ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ย เช่นหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ถูกกดดันอย่างหนักหลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีพุ่งขึ้นแตะระดับ 1.87% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 2 ปี อันเป็นผลมาจากกระแสคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมี.ค.
ทางด้านสถาบันเวสต์แพค-เมลเบิร์นเปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ลดลง 2.0% ในเดือนม.ค. หลังจากลดลง 1.0% ในเดือนธ.ค. เนื่องจากยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มขึ้นจนทำให้จำนวนผู้เข้ารับการรักษาโรงพยาบาลพุ่งขึ้น ส่งผลให้ความเชื่อมั่นผู้บริโภคของออสเตรเลียมีความวิตกกังวลและชะลอการใช้จ่ายและการเดินทาง
เมื่อเทียบรายปี ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคร่วงลง 4.5% จากเดือนม.ค.ปีที่ผ่านมา สู่ระดับ 102.2 อย่างไรก็ดี ดัชนีที่อยู่เหนือระดับ 100 บ่งชี้ว่าผู้บริโภคที่มีมุมมองเป็นบวกนั้นยังคงมีจำนวนมากกว่าผู้ที่มีมุมมองเป็นลบ
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 25-26 ม.ค.นี้ เพื่อรอดูความชัดเจนเกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ย หลังจากเจ้าหน้าที่เฟดหลายคนได้ออกมาส่งสัญญาณว่าเฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมี.ค.