ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกในวันพฤหัสบดี (20 ม.ค.) โดยได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มเดินทางและสันทนาการที่นำตลาดปรับตัวขึ้นท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวน ขณะที่หุ้นกลุ่มรถยนต์ร่วงลง และนักลงทุนยังคงจับตาสถานการณ์เงินเฟ้อและผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 483.21จุด เพิ่มขึ้น +2.31 จุด หรือ +0.48%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,194.16 จุด เพิ่มขึ้น 21.18 จุด หรือ +0.30%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,912.33 จุด เพิ่มขึ้น 102.61 จุด หรือ +0.65% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,585.01 จุด ลดลง 4.65 จุด หรือ -0.06%
ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 2 โดยหุ้นกลุ่มเดินทางนำตลาดปรับตัวขึ้น เนื่องจากหุ้นกลุ่มสายการบินพุ่งขึ้น หลังจากไรอันแอร์เปิดเผยมุมมองเชิงบวกเกี่ยวกับแนวโน้มการเดินทางในปี 2565
หุ้นกลุ่มเดินทางและสันทนาการ พุ่งขึ้น 2.7% ขณะที่หุ้นกลุ่มรถยนต์ ร่วงลง 0.9% และหุ้นไรอันแอร์ พุ่งขึ้น 4.2%
นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรของเยอรมนีร่วงลงต่ำกว่าระดับ 0% ซึ่งหนุนหุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคและกลุ่มเทคโนโลยี ปรับตัวขึ้น 1.7% และ 1.5% ตามลำดับ
บรรดานักลงทุนยังคงวิตกเกี่ยวกับเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นและแนวโน้มการคุมเข้มนโยบายการเงินในปีนี้ แต่การเปิดเผยผลประกอบการในเชิงบวกและการปรับตัวขึ้นของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ได้ช่วยหนุนตลาด
หุ้นพูม่า ซึ่งเป็นบริษัทเครื่องแต่งกายกีฬาของเยอรมนี พุ่ง 1.2% หลังเปิดเผยยอดขายและกำไรรายไตรมาสขั้นต้นแข็งแกร่งเกินคาด
ข้อมูลบ่งชี้ว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ของเยอรมนีปรับตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในเดือนธ.ค. ซึ่งเป็นผลจากราคาพลังงานที่เพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ตาม นางคริสติน ลาการ์ด ประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) ระบุว่า เงินเฟ้อในยูโรโซนจะลดลงทีละน้อยในปีนี้ เนื่องจากแรงกดดันจากปัจจัยหลัก ๆ ซึ่งได้แก่ปัญหาคอขวดด้านอุปทานและราคาพลังงานที่พุ่งขึ้นนั้น จะบรรเทาลง
หุ้นกลุ่มพลังงานลดลงจากระดับสูงสุดในรอบเกือบ 2 ปี หลังราคาน้ำมันดิบปรับตัวลง