ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าร่วงลงเป็นส่วนใหญ่ โดยถูกกดดันจากตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐที่พุ่งขึ้นสูงกว่าคาดการณ์ ซึ่งจะผลักดันให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย รวมถึงการที่นายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานเฟดสาขาเซนต์หลุยส์ได้ส่งสัญญาณสนับสนุนให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยรุนแรงถึง 1% ภายในเดือนก.ค.นี้
ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าที่ 24,943.65 จุด เพิ่มขึ้น 19.30 จุด หรือ +0.08% และดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนปิดภาคเช้าที่ 3,497.71 จุด เพิ่มขึ้น 11.80 จุด หรือ +0.34%
ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดทำการวันนี้ (11 ก.พ.) เนื่องในวันสถาปนาประเทศ
นักลงทุนวิตกหลังกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค พุ่งขึ้น 7.5% ในเดือนม.ค. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ. 2525 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 7.2% จากระดับ 7.0% ในเดือนธ.ค.
นอกจากนี้ นายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาเซนต์หลุยส์ยังให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์บลูมเบิร์กว่า เขาสนับสนุนให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 1% ภายในวันที่ 1 ก.ค.นี้ เพื่อสกัดเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นร้อนแรงที่สุดในรอบ 40 ปี
"ผมเปิดกว้างสำหรับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในเดือนมี.ค. และผมต้องการเห็นเฟดปรับขึ้นดอกเบี้ย 1% ภายในวันที่ 1 ก.ค.นี้ ในช่วงที่ผ่านมานั้น ผมเป็นกรรมการเฟดสายเหยี่ยวอยู่แล้ว แต่เมื่อเห็นเงินเฟ้อที่สูงขึ้นเช่นนี้ ทำให้ผมคิดว่าคณะกรรมการเฟดควรจะปรับขึ้นดอกเบี้ยในอัตราที่สูงขึ้น" นายบูลลาร์ดกล่าว โดยนายบูลลาร์ดเป็นหนึ่งในคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟดที่มีสิทธิ์ลงมติในปีนี้
การแสดงความเห็นของนายบูลลาร์ดเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้ตลาดหุ้นสหรัฐดิ่งลงอย่างหนักเมื่อคืนนี้ ท่ามกลางความวิตกกังวลที่ว่า เฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยรุนแรงขึ้นและในเวลาที่รวดเร็วขึ้นเพื่อสกัดเงินเฟ้อ ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวจะทำให้ต้นทุนการกู้ยืมปรับตัวขึ้น และส่งผลกระทบต่อกำไรของบริษัทจดทะเบียน