ตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วงลงในวันจันทร์ (14 ก.พ.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกเกี่ยวกับสถานการณ์ตึงเครียดในยูเครน และความเห็นจากเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เกี่ยวกับแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยขาขึ้นนั้น ได้ส่งผลกดดันตลาด
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 460.96 จุด ลดลง 8.61 จุด หรือ -1.83%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,852.20 จุด ลดลง 159.40 จุด หรือ -2.27%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,113.97 จุด ลดลง 311.15 จุด หรือ -2.02% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,531.59 จุด ลดลง 129.43 จุด หรือ -1.69%
หุ้นทุกกลุ่มร่วงลง นำโดยกลุ่มธนาคารที่ดิ่งลง 3.2% หลังตลาดถูกกดดันจากความวิตกว่า รัสเซียเตรียมที่จะบุกโจมตียูเครน ขณะที่หลายประเทศเรียกร้องให้พลเมืองของตนเองเดินทางออกจากยูเครน
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นยุโรปและตลาดหุ้นทั่วโลกยังคงถูกกดดัน นับตั้งแต่สหรัฐเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อที่สูงเกินคาดซึ่งกระตุ้นให้นายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาเซนต์หลุยส์ เรียกร้องให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 1% ก่อนเดือนก.ค.
หุ้นคลาเรียนท์ ซึ่งเป็นบริษัทเคมีภัณฑ์ของสวิตเซอร์แลนด์ ร่วงลง 16% หลังเลื่อนการเปิดเผยผลประกอบการปี 2564 ขณะที่มีการตรวจสอบข้อกล่าวหาเกี่ยวกับการทำบัญชีของบริษัท
หุ้นคอมเมิร์ซแบงก์ของเยอรมนี ร่วงลง 2.7% หลังนายคริสเตียน ลินด์เนอร์ รมว.คลังของเยอรมนีเปิดเผยกับหนังสือพิมพ์แฮนเดลสแบลตต์ว่า รัฐบาลเยอรมนีจะลดการถือหุ้นในธนาคารคอมเมิร์ซแบงก์ลงในระยะยาว