ตลาดหุ้นยุโรปปิดไร้ทิศทางในวันพุธ (16 ก.พ.) ขณะที่นักลงทุนยังคงประเมินแนวโน้มสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างยูเครนและรัสเซีย หลังจากรัสเซียอ้างว่าได้ถอนทหารบางส่วนออกจากชายแดนที่ติดกับยูเครน ส่วนราคาหุ้นรายตัวในตลาดยังคงเคลื่อนไหวจากปัจจัยการเปิดเผยผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 467.77 จุด เพิ่มขึ้น 0.21 จุด หรือ +0.05%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,964.98 จุด ลดลง 14.99 จุด หรือ -0.21%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,370.30 จุด ลดลง 42.41 จุด หรือ -0.28% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,603.78 จุด ลดลง 5.14 จุด หรือ -0.07%
หุ้นกลุ่มน้ำมันและก๊าซปรับตัวขึ้น 1.5% ขณะที่กลุ่มเทเลคอม ร่วงลง 1.2%
ราคาพลังงานในยุโรปอาจเพิ่มขึ้น หากชาติตะวันตกคว่ำบาตรรัสเซีย โดยปธน.โจ ไบเดนของสหรัฐเปิดเผยเมื่อวันอังคารว่า มาตรการคว่ำบาตรอาจรวมถึงการกำหนดให้ยุโรปลดการใช้ก๊าซจากรัสเซีย
ด้านนายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีของอังกฤษระบุว่า สหราชอาณาจักรจะคว่ำบาตรธนาคารและบริษัทของรัสเซีย หากกระทำการที่ก้าวร้าวมากขึ้นกับยูเครน ขณะที่นายเซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซียระบุว่า รัสเซียจะตอบโต้หากอังกฤษดำเนินการคว่ำบาตร
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตะวันตกและประธานาธิบดีโวโลดีเมียร์ เซเลนสกีแห่งยูเครน ได้เรียกร้องให้ระมัดระวังกับการกล่าวอ้างของรัสเซีย และองค์การนาโตระบุในวันพุธว่า รัสเซียได้เพิ่มจำนวนทหารที่ชายแดนยูเครน
หุ้นรายตัวปรับตัวขึ้นลงตามการเปิดเผยผลประกอบการ โดยหุ้นสวีดิช แมตช์ ซึ่งเป็นบริษัทผลิตยาสูบของสวีเดนพุ่ง 3.8% หลังเปิดเผยยอดขายและผลกำไรจากการดำเนินงานทั้งปีสูงเป็นประวัติการณ์
หุ้นยูมิคอร์ บริษัทด้านเคมีภัณฑ์ของเบลเยียม พุ่งขึ้น 5% หลังเปิดเผยผลประกอบการพุ่งขึ้น 81% ในปี 2564
หุ้นอีริคสัน ร่วง 14% หลังจากประกาศว่า จากการสอบสวนภายในบริษัทพบว่าธุรกิจของบริษัทในอิรักมีการละเมิดข้อกำหนดในการปฏิบัติงานอย่างร้ายแรง