ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลบในวันพฤหัสบดี (17 ก.พ.) โดยถูกกดดันจากรายงานข่าวที่ว่ากองทัพยูเครนและกลุ่มกบฏที่สนับสนุนรัสเซียได้เปิดฉากยิงโจมตีกัน ขณะที่การร่วงลงของหุ้นกลุ่มการเงินและกลุ่มพลังงานถ่วงตลาดลงด้วย
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,537.37 จุด ลดลง 66.41 จุด หรือ -0.87%
กระทรวงการต่างประเทศยูเครนแถลงว่า กลุ่มกบฏฝักใฝ่รัสเซียในดอมบาสได้โจมตีหมู่บ้านแห่งหนึ่งทางตะวันออกของยูเครน ซึ่งได้สร้างความเสียหายต่อบ้านเรือนของประชาชน
"เราขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายประณามการที่รัสเซียละเมิดข้อตกลงมินสก์ ท่ามกลางสถานการณ์ที่มีความตึงเครียดในขณะนี้" แถลงการณ์ของกระทรวงการต่างประเทศยูเครนระบุ
ทางด้านสหรัฐระบุเตือนว่า รัสเซียกำลังหาเหตุและจัดฉากเพื่อสร้างเงื่อนไขในการโจมตียูเครนได้ทุกขณะ โดยนางลินดา โทมัส-กรีนฟิลด์ เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรสหรัฐประจำสหประชาชาติกล่าวว่า "มีหลักฐานว่ารัสเซียกำลังใกล้โจมตียูเครน นี่เป็นช่วงเวลาสำคัญมาก และนี่เป็นเหตุผลที่ท่านรัฐมนตรีแอนโทนี บลิงเกนได้เดินทางมายังนิวยอร์กเพื่อยืนยันถึงการใช้แนวทางการทูตของเราเพื่อผ่อนคลายวิกฤตการณ์ที่เกิดขึ้น และบอกให้โลกรับรู้ว่าเราจะทำทุกวิถีทางเพื่อป้องกันสงคราม"
หุ้นบีพีและหุ้นเชลล์ ร่วงลง 1.4% และ 2.7% ตามลำดับ หลังราคาน้ำมันร่วงลง เนื่องจากมีสัญญาณบ่งชี้ถึงความคืบหน้าในการเจรจาข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่าน ซึ่งอาจปูทางให้อิหร่านกลับมาส่งออกน้ำมันสู่ตลาดโลก
หุ้นกลุ่มธนาคาร ร่วงลง 1.3% หลังอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอังกฤษอายุ 2 ปีร่วงลงอย่างรุนแรงเป็นวันที่ 2 ติดต่อกัน
หุ้นกลุ่มเดินทางร่วงลงด้วย 1.8% โดยหุ้นวิซซ์ แอร์ และหุ้นแอร์ฟรานซ์ เคแอลเอ็ม-เอสเอ ต่างร่วงลง 7.4% เนื่องจากวิตกว่าธุรกิจการบินในยุโรปตะวันออกจะได้รับผลกระทบจากวิกฤติการเมืองยูเครน-รัสเซีย
อย่างไรก็ตาม การเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งได้ช่วยหนุนหุ้นรายตัวพุ่งขึ้น โดยหุ้นสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด ปิดบวก 1.7% หลังปรับเพิ่มเป้าหมายความสามารถในการทำกำไร และสัญญาที่จะจ่ายปันผลพิเศษให้กับผู้ถือหุ้น และหุ้นเรกคิทท์ เบนคีเซอร์ พุ่งขึ้น 5.9% หลังเปิดเผยยอดขายไตรมาส 4 สูงเกินคาด