ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลบในวันจันทร์ (21 ก.พ.) ขณะที่ความตึงเครียดเกี่ยวกับสถานการณ์ยูเครนส่งผลกระทบกดดันตลาดทั่วโลก
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,484.33 จุด ลดลง 29.29 จุด หรือ -0.39%
ตลาดถูกกดดัน หลังจากรัสเซียเปิดเผยในวันจันทร์ว่า ไม่มีแผนการที่เป็นรูปธรรมสำหรับการเจรจาสุดยอดเกี่ยวกับยูเครนระหว่างประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซียกับประธานาธิบดีโจ ไบเดนแห่งสหรัฐ หลังจากประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศสเปิดเผยว่า ผู้นำทั้งสองได้ตกลงที่จะประชุมกันในหลักการ
ปธน.ปูตินได้ประกาศรับรองสถานะการเป็นรัฐอิสระของสาธารณรัฐประชาชนโดเนตสก์และสาธารณรัฐประชาชนลูฮันสก์ ซึ่งตั้งอยู่ในภูมิภาคดอนบาสของยูเครน และเป็นพื้นที่ที่ประชาชนส่วนใหญ่ฝักใฝ่รัสเซีย ซึ่งเป็นความเคลื่อนไหวที่อาจทำให้รัสเซียมีเหตุผลที่จะส่งทหารเข้าสู่ยูเครนอย่างเปิดเผย
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ที่ทำธุรกิจในรัสเซีย อาทิ หุ้นโพลีมีเทิล และหุ้นเอฟราซ ร่วงลง 8.5% และ 5.7% ตามลำดับ โดยถูกกดดันจากความเป็นไปได้ที่ว่าจะมีการคว่ำบาตรเกิดขึ้นหากรัสเซียบุกยูเครน
ตลาดไม่ได้รับแรงหนุนจากรายงานที่ว่า นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษจะวางแผนยกเลิกมาตรการควบคุมโรคโควิด-19 รวมถึงจากการที่ไอเอชเอส มาร์กิต/ซีไอพีเอสเปิดเผยในวันจันทร์ว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิตและบริการขั้นต้นของสหราชอาณาจักร อยู่ที่ระดับ 60.2 ในเดือนก.พ. ทำสถิติสูงสุดในรอบ 8 เดือน เพิ่มขึ้นจากระดับ 54.2 เมื่อเดือนม.ค.
ดัชนี PMI อยู่เหนือระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ว่าภาคธุรกิจในสหราชอาณาจักรยังคงมีการขยายตัว โดยได้รับแรงหนุนจากภาคบริการซึ่งคึกคักมากขึ้นหลังรัฐบาลผ่อนปรนมาตรการคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
หุ้นแอสตร้าเซนเนก้า พุ่งขึ้น 4.0% สวนทางตลาด หลังเปิดเผยว่า ยารักษาโรคมะเร็งของบริษัทได้ช่วยให้ผู้ป่วยมะเร็งเต้านมมีอายุยืนยาวขึ้น