ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงในวันอังคาร (22 ก.พ.) ขณะที่ดัชนี S&P500 เข้าสู่ภาวะปรับฐาน (Correction) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างรัสเซียและยูเครน หลังจากรัสเซียให้การรับรองเอกราชแก่แคว้นโดเนตสก์และลูฮันสก์ซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันออกของยูเครน และส่งกำลังทหารเข้าไปยัง 2 แคว้นดังกล่าวซึ่งฝักใฝ่รัสเซีย
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,596.61 จุด ลดลง 482.57 จุด หรือ -1.42%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,304.76 จุด ลดลง 44.11 จุด หรือ -1.01% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,381.52 จุด ลดลง 166.55 จุด หรือ -1.23%
ดัชนีหลักทั้ง 3 ดัชนีเคลื่อนไหวในแดนลบตลอดทั้งวัน โดยดัชนีดาวโจนส์ปิดร่วงลงอย่างหนัก ขณะที่ดัชนี S&P500 ได้เข้าสู่ภาวะปรับฐานแล้ว ท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างรัสเซียและยูเครน โดยล่าสุดวุฒิสภารัสเซียมีมติเป็นเอกฉันท์อนุมัติให้ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน สามารถใช้กองทัพรัสเซียนอกประเทศได้เพื่อให้การสนับสนุนกลุ่มแบ่งแยกดินแดนในยูเครน
ทางด้านประธานาธิบดีโจ ไบเดนแห่งสหรัฐประกาศมาตรคว่ำบาตรธนาคาร VEB ซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่ของรัสเซีย และคว่ำบาตรธนาคาร PSB ซึ่งเป็นธนาคารของกองทัพรัสเซีย โดยมาตรการดังกล่าวจะส่งผลให้ธนาคารทั้งสองแห่งไม่สามารถทำธุรกรรมในรูปสกุลเงินดอลลาร์ได้
นอกจากนี้ นายโอลาฟ โชลซ์ นายกรัฐมนตรีเยอรมนี ประกาศระงับการอนุมัติท่อส่งก๊าซธรรมชาติ Nord Stream 2 เมื่อวานนี้ เพื่อเป็นการตอบโต้รัสเซียที่ให้การรับรองเอกราชแก่แคว้นโดเนตสก์และลูฮันสก์ โดยนายโชลซ์กล่าวว่า เยอรมนีไม่สามารถให้การยอมรับ 2 แคว้นดังกล่าว
หุ้นทุกกลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปิดในแดนลบ นำโดยดัชนีหุ้นกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยร่วงลง 3.04% และดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานดิ่งลง 1.53%
หุ้นเมซีส์ อิงค์ ซึ่งเป็นห้างสรรพสินค้ารายใหญ่ของสหรัฐ ร่วงลง 4.94% แม้บริษัทเปิดเผยกำไรต่อหุ้นในไตรมาส 4/2564 ที่ระดับ 2.45 ดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 2.00 ดอลลาร์
อย่างไรก็ดี หุ้นโฮม ดีโปท์ อิงค์ ซึ่งเป็นบริษัทจำหน่ายสินค้าตกแต่งบ้านรายใหญ่ที่สุดของสหรัฐ พุ่งขึ้น 8.78% หลังบริษัทเปิดเผยกำไรต่อหุ้นในไตรมาส 4/2564 ที่ระดับ 3.21 ดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 3.18 ดอลลาร์
หุ้นคริสปี้ ครีม ซึ่งเป็นบริษัทผลิตโดนัทรายใหญ่ของสหรัฐ พุ่งขึ้น 8.37% หลังบริษัทรายงานตัวเลขกำไรรายไตรมาสเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ที่บริษัทเสนอขายหุ้นต่อสาธารณชนเป็นครั้งแรก (IPO) ในเดือนก.ค.2564 โดยคริสปี้ ครีมระบุว่า บริษัทมีกำไรต่อหุ้นในไตรมาส 4/2564 ที่ระดับ 8 เซนต์ นอกจากนี้ บริษัทมีรายได้ 371 ล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 364 ล้านดอลลาร์
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ ผลสำรวจของ Conference Board ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยเศรษฐกิจ ระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐปรับตัวลงเป็นเดือนที่ 2 โดยร่วงลงสู่ระดับ 110.5 ในเดือนก.พ. แต่สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 110.0 จากระดับ 111.1 ในเดือนม.ค.
ไอเอชเอส มาร์กิต ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการข้อมูลทางการเงิน เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิตและภาคบริการเบื้องต้นของสหรัฐ ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 56.0 ในเดือนก.พ. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 2 เดือน จากระดับ 51.1 ในเดือนม.ค.