ตลาดหุ้นยุโรปปิดขยับขึ้นเล็กน้อยในวันอังคาร (22 ก.พ.) โดยหุ้นกลุ่มรถยนต์และกลุ่มเดินทางปรับตัวขึ้น ขณะที่นักลงทุนยังคงวิตกเกี่ยวกับความเสี่ยงทางการเมือง เนื่องจากชาติตะวันตกกำหนดมาตรการคว่ำบาตรรัสเซีย หลังรัสเซียส่งทหารเข้าควบคุมสองแคว้นทางตะวันออกของยูเครน
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 455.12 จุด เพิ่มขึ้น 0.31 จุด หรือ +0.07%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,787.60 จุด ลดลง 0.74 จุด หรือ -0.01%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 14,693.00 จุด ลดลง 38.12 จุด หรือ -0.26% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,494.21 จุด เพิ่มขึ้น 9.88 จุด หรือ +0.13%
หุ้นกลุ่มรถยนต์, กลุ่มเดินทาง และกลุ่มเทคโนโลยี ปรับตัวขึ้น ขณะที่กลุ่มค้าปลีก และกลุ่มการเงิน ร่วงลงมากที่สุด
นายโอลาฟ โชลซ์ นายกรัฐมนตรีเยอรมนี ประกาศระงับการอนุมัติท่อส่งก๊าซธรรมชาติ Nord Stream 2 ในวันนี้ หลังจากที่รัสเซียให้การรับรองเอกราชแก่แคว้นโดเนตสก์และลูฮันสก์ ซึ่งตั้งอยู่ในภูมิภาคดอนบาสของยูเครน และส่งกำลังทหารเข้าไปยัง 2 แคว้นดังกล่าวซึ่งฝักใฝ่รัสเซีย
ด้านนายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีของอังกฤษ ประกาศคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจต่อรัสเซียเช่นกัน โดยสั่งคว่ำบาตรธนาคารรัสเซีย 5 แห่ง รวมทั้งชาวรัสเซีย 3 คน เพื่อตอบโต้มาตรการทางทหารของรัสเซียดังกล่าว
หุ้นกลุ่มน้ำมัน ลดลง 0.1% แม้ราคาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2547
หุ้นกลุ่มธนาคารของยูโรโซน ปรับตัวลง 0.7% หลังนักลงทุนปรับลดคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ เนื่องจากมีความวิตกเกี่ยวกับความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจยุโรป และปัญหาจากสถานการณ์รัสเซีย-ยูเครน อาทิ การดำเนินมาตรการคว่ำบาตรครั้งใหม่ต่อรัสเซีย
หุ้นโฟลค์สวาเกน พุ่งขึ้น 7.8% สวนทางตลาด และหุ้นปอร์เช่ เอสอี พุ่ง 11.3% หลังมีข่าวว่า 2 บริษัทกำลังหารือเกี่ยวกับการทำ IPO หุ้นปอร์เช่ เอจี