ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวขึ้นในวันอังคาร (22 ก.พ.) โดยฟื้นตัวขึ้นจากการติดลบในช่วงเช้า หลังการเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งของหุ้นรายตัวและการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมได้ช่วยหนุนตลาด แม้นักลงทุนยังคงวิตกเกี่ยวกับวิกฤตรัสเซีย-ยูเครนก็ตาม
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,494.21 จุด เพิ่มขึ้น 9.88 จุด หรือ +0.13%
หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรม ปรับตัวขึ้น 0.8% ขณะที่หุ้นเหมืองแร่ บวก 0.4% ตามราคาโลหะที่ปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง
หุ้นสมิธ แอนด์ เนฟิว พุ่งขึ้น 7.5% หลังประกาศแต่งตั้งซีอีโอคนใหม่ และหุ้นไอเอชจี เจ้าของกิจการโรงแรมฮอลิเดย์ อินน์ พุ่ง 4.2% หลังเปิดเผยผลกำไรรายปีสูงกว่าคาด
สหรัฐและประเทศพันธมิตรในยุโรปเริ่มประกาศคว่ำบาตรครั้งใหม่ต่อรัสเซีย หลังประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซียได้ลงนามในกฤษฎีกาเพื่อรับรองสถานะการเป็นรัฐอิสระและความเป็นเอกราชของสาธารณรัฐประชาชนโดเนตสก์และสาธารณรัฐประชาชนลูฮันสก์ ซึ่งตั้งอยู่ในภูมิภาคดอนบาสของยูเครน และส่งทหารเข้าควบคุมสองแคว้นดังกล่าว
หุ้นบีพี ปรับตัวลง 0.5% โดยถูกกดดันหลังมีรายงานข่าวว่า นายโอลาฟ โชลซ์ นายกรัฐมนตรีเยอรมนี ประกาศระงับการอนุมัติท่อส่งก๊าซธรรมชาติ Nord Stream 2 ในวันอังคาร (22 ก.พ.) หลังจากที่รัสเซียให้การรับรองเอกราชแก่แคว้นโดเนตสก์และลูฮันสก์ ซึ่งตั้งอยู่ในภูมิภาคดอนบาสของยูเครน และส่งกำลังทหารเข้าไปยัง 2 แคว้นดังกล่าวซึ่งฝักใฝ่รัสเซีย
แต่หุ้นเชลล์ บวก 0.5% ตามราคาน้ำมันที่ทะยานขึ้นท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับภาวะชะงักงันด้านอุปทานซึ่งเกิดจากวิกฤตรัสเซีย-ยูเครน
ทั้งนี้ หุ้นกลุ่มพลังงาน พุ่งขึ้น 18.7% แล้วนับตั้งแต่ต้นปีนี้ และเป็นแรงหนุนมากที่สุดต่อดัชนี FTSE 100