ตลาดหุ้นลอนดอนปิดร่วงลงในวันศุกร์ (4 มี.ค.) และปิดตลาดสัปดาห์นี้ร่วงลงรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค. 2563 เนื่องจากนักลงทุนมีความวิตกมากขึ้นเกี่ยวกับผลกระทบที่เกิดจากการที่รัสเซียบุกโจมตียูเครน
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,987.14 จุด ร่วงลง 251.71 จุด หรือ -3.48% และร่วงลง 6.4% ในรอบสัปดาห์นี้
ดัชนีหุ้นทุนจดทะเบียนขนาดกลาง ร่วง 3.5% ในวันศุกร์ และร่วง 7% ในสัปดาห์นี้ ซึ่งเป็นการร่วงลงรายสัปดาห์รุนแรงที่สุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. 2563
หุ้นกลุ่มโลหะมีค่า, กลุ่มผู้ผลิตรถยนต์ และกลุ่มเดินทาง นำตลาดร่วงลง
กองกำลังรัสเซียในยูเครนได้ยึดโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปเมื่อวันศุกร์ ซึ่งสหรัฐระบุว่าเป็นการโจมตีโดยประมาท แม้ว่าจะดับไฟในอาคารฝึกอบรมได้แล้ว และเจ้าหน้าที่ระบุว่าโรงงานมีความปลอดภัยในขณะนี้ก็ตาม
หุ้นกลุ่มธนาคาร อาทิ เอชเอสบีซีและบาร์เคลย์ส รวมถึงหุ้นเชลล์และหุ้นบีพี ถ่วงตลาดลงในวันศุกร์ด้วย
เทรดเดอร์รายหนึ่งระบุว่า "นักลงทุนวิตกเกี่ยวกับสถานการณ์ในยูเครน ไม่มีใครต้องการถือครองหุ้น ขณะที่ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในช่วงสุดสัปดาห์ ซึ่งทำให้มีการหลีกเลี่ยงความเสี่ยง"
ตลาดหุ้นลอนดอนลดช่วงบวกทั้งหมดในปีนี้ และปรับตัวลง 5.1% เนื่องจากนักลงทุนเทขายหุ้นจากความวิตกเกี่ยวกับเงินเฟ้อและการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกหลังจากรัสเซียบุกโจมตียูเครน
"เป็นการยากที่จะยังคงเชื่อมั่นในการลงทุนท่ามกลางสถานการณ์ที่ไม่แน่นอนในปัจจุบัน" นักวิเคราะห์รายหนึ่งกล่าว
บริษัทของอังกฤษหลายแห่งได้ระงับการดำเนินงานในรัสเซีย อาทิ มาร์ค แอนด์ สเปนเซอร์, เซนส์เบอรี และดับบลิวพีพี