ตลาดหุ้นเอเชียปิดเช้าดิ่งลง เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลถึงแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อที่อาจปรับตัวขึ้นอย่างฉับพลัน ท่ามกลางราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ทะยานขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังสหรัฐและพันธมิตรในยุโรปกำลังพิจารณาระงับการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซียเพื่อตอบโต้กรณีบุกยูเครน
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดภาคเช้าที่ 25,166.23 จุด ร่วงลง 819.24 จุด หรือ -3.15%, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าที่ 21,159.18 จุด ดิ่งลง 746.11 จุด หรือ -3.41% และดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนปิดภาคเช้าที่ 3,396.73 จุด ลดลง 50.91 จุด หรือ -1.48%
บรรยากาศการซื้อขายในตลาดโลกถูกกดดันอย่างหนัก หลังจากที่นายแอนโทนี บลิงเกน รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐระบุว่า สหรัฐและชาติพันธมิตรในยุโรปกำลังพิจารณาถึงความเป็นไปได้ที่จะระงับการนำเข้าน้ำมันและก๊าซธรรมชาติจากรัสเซีย โดยมีเป้าหมายที่จะตอบโต้รัสเซียกรณีใช้กำลังทหารบุกโจมตียูเครน
ทางด้านนางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐเผยว่า สภาผู้แทนราษฎรกำลังศึกษาการออกกฎหมายห้ามนำเข้าน้ำมันจากรัสเซีย ขณะเดียวกันสภาคองเกรสมีแผนที่จะออกกฎหมายให้ความช่วยเหลือแก่ยูเครนเป็นมูลค่า 1 หมื่นล้านดอลลาร์ในสัปดาห์นี้ เพื่อตอบโต้รัสเซียกรณีใช้กำลังทหารบุกโจมตียูเครน
นางเพโลซีระบุว่า ร่างกฎหมายของเราจะระงับการนำเข้าผลิตภัณฑ์น้ำมันและพลังงานจากรัสเซียเข้าสู่สหรัฐ ยกเลิกความสัมพันธ์ทางการค้าตามปกติกับรัสเซียและเบลารุส และจะเป็นมาตรการขั้นแรกในการขัดขวางรัสเซียไม่ให้ได้รับสิทธิประโยชน์ในองค์การการค้าโลก
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจในภูมิภาคที่รายงานไปแล้ว ศุลกากรจีนเผยว่า การส่งออกของจีนปรับตัวเพิ่มขึ้น 16.3% ในช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้ เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า และสูงกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 15.0% แต่ชะลอตัวลงเมื่อเทียบกับที่ปรับตัวขึ้น 20.9% ในเดือนธ.ค. เนื่องจากตรงกับช่วงวันหยุดยาวของเทศกาลตรุษจีน อย่างไรก็ดี แม้ตัวเลขดังกล่าวจะสูงเหนือการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ แต่การรุกรานยูเครนของรัสเซียได้เพิ่มความไม่แน่นอนต่อแนวโน้มการค้าโลกในปีนี้