ตลาดหุ้นยุโรปปิดพุ่งขึ้นกว่า 4% ในวันพุธ (9 มี.ค.) นำโดยตลาดหุ้นเยอรมนีที่ทะยานขึ้นเกือบ 8% หลังจากนักลงทุนพากันเข้าช้อนซื้อหุ้นที่ร่วงลงอย่างหนักก่อนหน้านี้จากความวิตกเกี่ยวกับผลกระทบของวิกฤตยูเครน
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 434.45 จุด พุ่งขึ้น 19.44 จุด หรือ +4.68%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,387.83 จุด พุ่งขึ้น 424.87 จุด หรือ +7.13%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 13,847.93 จุด พุ่งขึ้น 1,016.42 จุด หรือ +7.92% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,190.72 จุด พุ่งขึ้น 226.61 จุด หรือ +3.25%
ตลาดหุ้นอิตาลีและฝรั่งเศสพุ่งขึ้นราว 7% ซึ่งหนุนดัชนี STOXX 600 ปรับตัวขึ้นมากที่สุดในรอบ 2 ปี หลังจากที่ดิ่งลงติดต่อกัน 4 วันราว 7% โดยได้รับผลกระทบจากการห้ามนำเข้าน้ำมันจากรัสเซีย
หุ้นกลุ่มธนาคาร, กลุ่มผู้ผลิตรถยนต์ และกลุ่มสันทนาการ ทะยานขึ้นมากกว่า 7% โดยข่าวที่ว่ารัสเซียและยูเครนแสดงความเต็มใจที่จะเจรจากันได้ช่วยหนุนความเชื่อมั่น และหนุนตลาดหุ้นฟื้นตัวทั่วโลก
หุ้นกลุ่มธนาคารของยูโรโซนทะยานขึ้นเกือบ 10% แต่ยังคงลดลง 13% ในปีนี้ ท่ามกลางความไม่แน่นอนเกี่ยวกับแผนการคุมเข้มนโยบายของธนาคารกลางยุโรป (ECB) รวมถึงผลกระทบทางเศรษฐกิจจากวิกฤตยูเครน
ECB จะประชุมกันในวันพฤหัสบดีนี้ โดยนางคริสติน ลาการ์ด ประธาน ECB มีแนวโน้มที่จะพิสูจน์ว่า ECB สามารถควบคุมเงินเฟ้อในยูโรโซนได้ โดยเงินเฟ้อปรับตัวขึ้นมากกว่าคาด 5.8% แล้วซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 20 ปี
หุ้นธนาคารยูนิเครดิตและหุ้นบีเอ็นพี พาริบาส์ พุ่งขึ้นราว 10%
หุ้นอาดิดาสพุ่งขึ้น 13.6% หลังจากบริษัทคาดว่า ยอดขายจะฟื้นตัวขึ้นในจีน แต่เตือนว่า รายได้จะได้รับผลกระทบราว 250 ล้านยูโร (273.10 ล้านดอลลาร์) จากการยุติการทำธุรกิจในรัสเซีย
หุ้นดอยซ์ โพสต์ พุ่งขึ้น 12.5% หลังรายงานผลกำไรจากการดำเนินงานในปี 2564 เพิ่มขึ้น 65%