ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกในวันศุกร์ (11 มี.ค.) และปรับตัวขึ้นรายสัปดาห์มากที่สุดในปีนี้ โดยได้แรงหนุนหลังจากประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินแห่งรัสเซียส่งสัญญาณเกี่ยวกับความคืบหน้าในเชิงบวกในการเจรจากับยูเครน
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 431.17 จุด เพิ่มขึ้น 4.05 จุด หรือ +0.95%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,260.25 จุด เพิ่มขึ้น 53.05 จุด หรือ +0.85%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 13,628.11 จุด เพิ่มขึ้น 186.01 จุด หรือ +1.38% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,155.64 จุด เพิ่มขึ้น 56.55 จุด หรือ +0.80%
ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวขึ้น 4% ในสัปดาห์นี้ หลังติดลบ 3 สัปดาห์ก่อนหน้านี้ โดยนักลงทุนเข้าช้อนซื้อหุ้นราคาถูกที่ร่วงลงก่อนหน้านี้จากความวิตกเกี่ยวกับผลกระทบที่เกิดจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน
ตลาดได้แรงหนุนในทันที หลังจากปธน.ปูตินกล่าวในวันศุกร์ว่า มีความคืบหน้าในเชิงบวกในการเจรจาระหว่างรัสเซียกับยูเครน แม้เขาไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดก็ตาม
ตลาดหุ้นอังกฤษได้แรงหนุนหลังจากสำนักงานสถิติแห่งชาติอังกฤษ (ONS) เปิดเผยข้อมูลในวันศุกร์ว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) เดือนม.ค. ดีดตัวขึ้นมากกว่าคาดการณ์
ONS ระบุว่า GDP ของอังกฤษเดือนม.ค. ขยายตัว 0.8% เมื่อเทียบเป็นรายเดือน หลังจากที่ลดลง 0.2% ในเดือนธ.ค. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 0.2%
หุ้นกลุ่มธนาคารของยูโรโซน ฟื้นตัวขึ้น 4.5% ในสัปดาห์นี้ และปรับตัวขึ้นรายสัปดาห์มากที่สุดในรอบ 2 เดือน หลังจากดิ่งลง 19% ในสัปดาห์ที่แล้วเนื่องจากวิตกเกี่ยวกับการดำเนินธุรกิจอย่างมากในรัสเซีย
หุ้นทอดส์ (Tod's) ซึ่งเป็นบริษัทด้านแฟชั่นของอิตาลี พุ่งขึ้น 7.6% หลังแสดงความเชื่อมั่นเกี่ยวกับผลประกอบการในปีนี้
หุ้นเอสซีลอร์ลูซอตติกา (EssilorLuxottica) ซึ่งเป็นบริษัทผลิตแว่นตาหรูของฝรั่งเศส พุ่งขึ้น 2.9% หลังรายงานยอดขายแข็งแกร่งที่สุดในไตรมาส 4/2564