ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกในวันจันทร์ (14 มี.ค.) โดยได้แรงหนุนจากความพยายามทางการทูตระหว่างยูเครนและรัสเซียที่จะยุติความขัดแย้งที่ดำเนินมาหลายสัปดาห์ โดยประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินแห่งรัสเซียส่งสัญญาณถึงการเปลี่ยนแปลงในเชิงบวกจากการเจรจากับยูเครน
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 436.35 จุด เพิ่มขึ้น 5.18 จุด หรือ +1.20%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,369.94 จุด เพิ่มขึ้น 109.69 จุด หรือ +1.75%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 13,929.11 จุด เพิ่มขึ้น 301.00 จุด หรือ +2.21% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,193.47 จุด เพิ่มขึ้น 37.83 จุด หรือ +0.53%
หุ้นกลุ่มรถยนต์ บวก 3.3% นำโดยหุ้นโฟล์คสวาเกน พุ่งขึ้น 4.4% หลังเปิดเผยผลกำไรจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นสองเท่า
บรรดานักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ในสัปดาห์นี้ ซึ่งคาดว่าทั้งสองธนาคารจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
หุ้นกลุ่มธนาคารพุ่งขึ้น 3.2% ขานรับแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดกั้นเงินเฟ้อ ขณะที่ความหวังเกี่ยวกับการเจรจาสันติภาพทำให้ราคาน้ำมันลดลง
หุ้นเทเลคอม อิตาเลีย พุ่ง 5% หลังเปิดเผยว่าจะเริ่มการเจรจาอย่างเป็นทางการบริษัทเคเคอาร์เพื่อประเมินข้อเสนอซื้อหุ้นเทเลคอม อิตาเลีย วงเงิน 1.08 หมื่นล้านยูโร (1.18 หมื่นล้านดอลลาร์)
แต่หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ที่พึ่งพาตลาดจีน ร่วงลง 2.6% เนื่องจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อแนวโน้มการขยายตัวทางเศรษฐกิจจีน
หุ้นกลุ่มสินค้าหรูหรา อาทิ หลุยส์วิตตองและริชมอนต์ ซึ่งพึ่งพายอดขายในตลาดจีน ก็ปรับตัวลงด้วย