ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกในวันพฤหัสบดี (17 มี.ค.) หลังการซื้อขายเป็นไปอย่างผันผวน โดยตลาดปรับตัวรับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยตามคาดของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และนักลงทุนจับตาการเจรจาสันติภาพระหว่างรัสเซีย-ยูเครน
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 450.49 จุด เพิ่มขึ้น 2.04 จุด หรือ +0.45%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,612.52 จุด เพิ่มขึ้น 23.88 จุด หรือ +0.36%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 14,388.06 จุด ลดลง 52.68 จุด หรือ -0.36% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,385.34 จุด เพิ่มขึ้น 93.66 จุด หรือ +1.28%
ตลาดปรับตัวขึ้น หลังจากเฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ตามคาด ขณะที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยในวันพฤหัสบดี และธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ตามคาดเช่นกัน
บรรดานักลงทุนจับตาการเจรจาสันติภาพระหว่างรัสเซีย-ยูเครนที่ยังคงดำเนินต่อไป ขณะที่สงครามในยูเครนเข้าสู่สัปดาห์ที่ 4 แล้ว
หุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์นำตลาดปรับตัวขึ้น โดยหุ้นกลุ่มพลังงาน พุ่งขึ้น 2.2% หลังราคาน้ำมันดิบทะยานขึ้น 8% จากความวิตกเกี่ยวกับภาวะขาดแคลนพลังงานในไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้านี้ เนื่องจากการคว่ำบาตรรัสเซีย
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ ปรับตัวขึ้น 0.7% หลังราคาทองแดงและอะลูมิเนียมที่ตลาดเซี่ยงไฮ้ยังคงปรับตัวขึ้น จากความหวังที่จีนจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม
หุ้นดีลิเวอรู ซึ่งทำธุรกิจส่งอาหารของอังกฤษ พุ่ง 6.3% หลังตั้งเป้าทำรายได้หลักให้ถึงจุดคุ้มทุนภายในราว 2 ปี
หุ้นวีโอเลีย บริษัทจัดการด้านอาหารและของเสียของฝรั่งเศส พุ่งขึ้น 2.8% หลังประมาณการว่า รายได้สุทธิจะขยายตัวมากกว่า 1 ใน 5 ในปีนี้