ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวขึ้นเล็กน้อยในวันจันทร์ (21 มี.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงาน ขณะที่ความวิตกเกี่ยวกับสงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครนยังคงถ่วงบรรยากาศการซื้อขายทั่วโลก
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 454.79 จุด เพิ่มขึ้น 0.19 จุด หรือ +0.04%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,582.33 จุด ลดลง 37.91 จุด หรือ -0.57%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 14,326.97 จุด ลดลง 86.12 จุด หรือ -0.60% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,442.39 จุด เพิ่มขึ้น 37.66 จุด หรือ +0.51%
ตลาดหุ้นยุโรปทรงตัวหลังปรับตัวขึ้นรายสัปดาห์คิดเป็นเปอร์เซ็นต์มากที่สุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย. 2563 เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา
นักลงทุนยังคงจับตาสงครามในยูเครนอย่างใกล้ชิด ขณะที่บรรดารัฐบาลของชาติสมาชิกสหภาพยุโรป (EU) พิจารณาที่จะคว่ำบาตรน้ำมันของรัสเซียในการประชุมกันในสัปดาห์นี้ ขณะที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐจะเข้าร่วมการประชุมสุดยอดต่าง ๆ เพื่อตอกย้ำท่าทีในการต่อต้านรัสเซีย
ข่าวดังกล่าวได้หนุนหุ้นกลุ่มน้ำมันและก๊าซของยุโรปปรับตัวขึ้น 3.0% หลังสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์พุ่งขึ้นมากกว่า 3 ดอลลาร์ สู่เหนือระดับ 111 ดอลลาร์/บาร์เรล
หุ้นบีพีและหุ้นเชลล์ พุ่งขึ้น 4.1%
นักลงทุนยังคงวิตกเกี่ยวกับเงินเฟ้อและดอกเบี้ยขาขึ้น โดยนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยเมื่อวันจันทร์ว่า เฟดต้องดำเนินการอย่างรวดเร็วเพื่อลดเงินเฟ้อที่ระดับสูง และอาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากกว่าปกติหากจำเป็น
ข้อมูลของเยอรมนีบ่งชี้ว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ยังคงเพิ่มสูงเป็นประวัติการณ์ในเดือนก.พ. โดยพุ่งขึ้น 25.9% เมื่อเทียบรายปี เพราะราคาพลังงานพุ่งขึ้น
หุ้นรายตัวที่ปรับตัวขึ้นได้แก่ หุ้นจูเลียส แบร์ บวก 0.6% หลังจากเปิดเผยว่า บริษัทปล่อยสินเชื่อให้กับลูกค้าจำนวนน้อยที่เผชิญกับมาตรการคว่ำบาตรในตลาดรัสเซีย