ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกในวันอังคาร (22 มี.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มธนาคารและกลุ่มประกัน หลังอัตราผลตอบแทนพันธบัตรปรับตัวขึ้นตามแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น หลังนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณว่า เฟดจะเร่งปรับขึ้นดอกเบี้ยมากกว่า 0.25% หากจำเป็น เพื่อสกัดกั้นเงินเฟ้อ
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,476.72 จุด เพิ่มขึ้น 34.33 จุด หรือ +0.46%
หุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวขึ้นขานรับแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยขาขึ้นทั่วโลก หลังนายพาวเวลกล่าวในการประชุมสมาคมเศรษฐกิจธุรกิจแห่งชาติของสหรัฐเมื่อคืนวันจันทร์ (21 มี.ค.) ว่า "ตลาดแรงงานของสหรัฐมีความแข็งแกร่งมาก และอัตราเงินเฟ้อก็อยู่ในระดับสูงเกินไป ด้วยเหตุนี้เราจึงอาจจะใช้มาตรการที่จำเป็นเพื่อสร้างความเชื่อมั่นว่าตัวเลขเงินเฟ้อจะกลับมามีเสถียรภาพอีกครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเราพิจารณาแล้วเห็นว่าเป็นเรื่องเหมาะสมที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากกว่า 0.25% ในการประชุมครั้งหนึ่งหรือหลายครั้ง เราก็จะทำ และหากเราพิจารณาแล้วเห็นว่าจำเป็นต้องดำเนินนโยบายแบบคุมเข้มมากกว่าที่เคยดำเนินการมา เราก็จะทำเช่นกัน"
นอกจากนี้ นักลงทุนยังปรับตัวรับแนวโน้มที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยราว 0.50% ภายในสิ้นปีนี้
ส่วนธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% สู่ระดับ 0.75% ในการประชุมเมื่อวันที่ 17 มี.ค.ที่ผ่านมาตามการคาดการณ์ของตลาด และถือเป็นการปรับอัตราดอกเบี้ยกลับสู่ระดับก่อนเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในช่วงต้นปี 2563
BoE ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุม 3 ครั้งติดต่อกัน ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อ หลังจากที่รัสเซียส่งกำลังทหารบุกโจมตียูเครน
หุ้นเอชเอสบีซีหนุนตลาดขึ้นมากที่สุด โดยปิดพุ่งขึ้น 3.2% ขณะที่หุ้นลอยด์ส แบงกิ้ง พุ่ง 3.3% และหุ้นพรูเดนเชียล พุ่ง 4.1%
นักวิเคราะห์ระบุว่า ดัชนี FTSE 100 มีแนวต้านเส้นต่อไปที่ระดับ 7,500 จุด