ดัชนีดาวโจนส์ร่วงลงอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดทรุดตัวลงกว่า 300 จุด ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย หลังตลาดพันธบัตรสหรัฐเกิดภาวะ inverted yield curve ในวันนี้
ณ เวลา 23.01 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 34,555.16 จุด ลบ 306.08 จุด หรือ 0.88%
หุ้นพลังงานดิ่งลงนำตลาดวันนี้ ตามการทรุดตัวของราคาน้ำมัน หลังจีนประกาศล็อกดาวน์เซี่ยงไฮ้ ซึ่งเป็นศูนย์กลางด้านการเงิน เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19
หุ้นกลุ่มธนาคารร่วงลงเช่นกัน ตามการปรับตัวลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ
การซื้อขายในตลาดได้รับผลกระทบ หลังตลาดพันธบัตรสหรัฐเกิดภาวะ inverted yield curve ในวันนี้ ซึ่งเป็นภาวะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะสั้นอยู่สูงกว่าพันธบัตรระยะยาว โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 5 ปี อยู่สูงกว่าพันธบัตรอายุ 30 ปีเป็นครั้งแรกในรอบ 16 ปี ซึ่งเป็นการบ่งชี้ถึงแนวโน้มการเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย
ทั้งนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 5 ปีพุ่งขึ้นสู่ระดับ 2.6361% ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 30 ปี ปรับตัวลงสู่ระดับ 2.6004%
ก่อนหน้านี้ เหตุการณ์อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 5 ปีพุ่งขึ้นสูงกว่าพันธบัตรอายุ 30 ปีได้เกิดขึ้นในปี 2549 ก่อนที่จะเกิดวิกฤตการเงินทั่วโลกในอีกเพียงไม่กี่ปีถัดมา
อย่างไรก็ดี ล่าสุด อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 5 ปีร่วงลงสู่ระดับ 2.546% ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 30 ปี ปรับตัวลงสู่ระดับ 2.567% ซึ่งถือเป็นการยุติภาวะ inverted yield curve ในวันนี้
ที่ผ่านมา ภาวะ inverted yield curve มักเกิดขึ้นจากการที่นักลงทุนพากันเทขายพันธบัตรระยะสั้น และเข้าซื้อพันธบัตรระยะยาว ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจในระยะสั้น
นักวิเคราะห์ระบุว่า นักลงทุนกำลังมีความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจ ท่ามกลางเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้น หลังรัสเซียส่งกำลังทหารบุกโจมตียูเครนในเดือนที่แล้ว
ตลาดจับตาการเปิดเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 4/2564 ของสหรัฐในวันพุธนี้ รวมทั้งตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรในวันศุกร์
นักลงทุนยังคงเกาะติดการเจรจาสันติภาพระหว่างรัสเซียและยูเครน ซึ่งทั้งสองฝ่ายจะเจรจาแบบพบหน้ากันที่ตุรกีในวันพรุ่งนี้