ตลาดหุ้นยุโรปปิดทะยานขึ้นในวันอังคาร (29 มี.ค.) โดยได้แรงหนุนจากความแข็งแกร่งของตลาดหุ้นเอเชียและตลาดหุ้นสหรัฐ ขณะที่การเจรจาสันติภาพระหว่างรัสเซียและยูเครนมีสัญญาณบ่งชี้ที่ชัดเจนที่สุดถึงความคืบหน้าในการเจรจาเพื่อยุติสงคราม
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 462.09 จุด เพิ่มขึ้น 7.92 จุด หรือ +1.74%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,792.16 จุด เพิ่มขึ้น 203.05 จุด หรือ +3.08%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 14,820.33 จุด เพิ่มขึ้น 402.96 จุด, +2.79% และ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,537.25 จุด เพิ่มขึ้น 64.11 จุด หรือ +0.86%
ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบเกือบ 1 เดือน และปรับตัวขึ้นเป็นวันที่ 3 ติดต่อกัน ขณะที่การเทขายพันธบัตรยังคงดำเนินต่อไป
หุ้นทุกกลุ่มปรับตัวในแดนบวก นำโดยกลุ่มรถยนต์และกลุ่มธนาคารที่พุ่งขึ้น 5.9% และ 3.8% ตามลำดับ
รัสเซียได้ให้สัญญาในวันอังคารที่จะลดปฏิบัติการทางทหารรอบกรุงเคียฟและทางเหนือของยูเครนเพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมั่น ขณะที่ยูเครนเสนอใช้สถานะที่เป็นกลางเพื่อยุติความขัดแย้งที่ดำเนินมา 5 สัปดาห์
บรรดานักลงทุนได้มุ่งความสนใจไปที่ปริมาณน้ำมันและก๊าซ หลังรัสเซียเปิดเผยว่า จะรับชำระค่าก๊าซเป็นเงินรูเบิล โดยรัสเซียส่งออกก๊าซคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 40% ของการใช้งานทั้งหมดในยุโรป และการดำเนินการดังกล่าวของรัสเซียอาจนำไปสู่ภาวะขาดแคลนและทำให้เงินเฟ้อพุ่งขึ้นในยุโรป
ทั้งนี้ ตลาดหุ้นยุโรปมีแนวโน้มปิดตลาดในเดือนมี.ค.ปรับตัวขึ้นเล็กน้อย โดยจะปิดบวกเป็นเดือนแรกของปีนี้ แต่จะติดลบเป็นไตรมาสแรกในรอบ 8 ไตรมาส เนื่องจากยังคงถูกกดดันจากความวิตกเกี่ยวกับเงินเฟ้อหลังราคาสินค้าโภคภัณฑ์พุ่งขึ้น และจากผลกระทบที่จะมีต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ