ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบในวันพุธ (30 มี.ค.) เนื่องจากนักลงทุนไม่มั่นใจในการเจรจาสันติภาพระหว่างรัสเซียและยูเครน นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดันจากความกังวลที่ว่า การเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะส่งผลกระทบต่อการเติบโตของเศรษฐกิจ
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 35,228.81 จุด ลดลง 65.38 จุด หรือ -0.19%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,602.45 จุด ลดลง 29.15 จุด หรือ -0.63% และ Nasdaq ปิดที่ 14,442.27 จุด ลดลง 177.36 จุด หรือ -1.21%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กเคลื่อนไหวในแดนลบตั้งแต่ตลาดเปิดทำการ เนื่องจากนักลงทุนเริ่มไม่มั่นใจว่าการเจรจาสันติภาพระหว่างรัสเซียและยูเครนจะสามารถบรรลุผล หลังมีรายงานว่ากองกำลังทหารรัสเซียได้ระดมยิงปืนใหญ่ในพื้นที่รอบนอกกรุงเคียฟและเมืองเชอร์นิฮิฟเมื่อวานนี้ แม้ว่ารัสเซียเพิ่งให้คำมั่นสัญญาว่าจะลดปฏิบัติการทางทหารรอบกรุงเคียฟซึ่งเป็นเมืองหลวงของยูเครนก็ตาม
ทางด้านนายจอห์น เคอร์บี โฆษกกระทรวงกลาโหมของสหรัฐเปิดเผยว่า สหรัฐไม่มั่นใจในคำมั่นสัญญาของรัสเซียที่ว่าจะลดปฏิบัติการทางทหารในกรุงเคียฟและเมืองเชอร์นิฮิฟ โดยนายเคอร์บีมองว่า การที่รัสเซียถอนกำลังทหารบางส่วนออกจากกรุงเคียฟนั้นเป็นการ "กลับมาตั้งหลัก" ไม่ใช่การถอนทหารอย่างแท้จริง พร้อมกับแสดงความกังวลเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่รัสเซียจะใช้กำลังโจมตีครั้งใหญ่ในหลายพื้นที่ของยูเครน
นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดันจากความกังวลที่ว่า การที่เฟดเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอาจจะส่งผลกระทบต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ ขณะที่ธนาคารรายใหญ่ในสหรัฐต่างก็คาดการณ์ว่าเฟดจะเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้เพื่อสกัดเงินเฟ้อ โดยโกลด์แมน แซคส์คาดว่าเฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมเดือนพ.ค.และมิ.ย. ส่วนแบงก์ ออฟ อเมริกาคาดว่าเฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมเดือนมิ.ย.และก.ค. และจะปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมทุกครั้งหลังจากนั้นถึงสิ้นปีนี้
หุ้น 7 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปิดในแดนลบ นำโดยดัชนีหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีร่วงลง 1.36% โดยหุ้นเมตา แพลตฟอร์มส ลดลง 0.87% หุ้นอัลฟาเบท ลดลง 0.4% ห้นแอปเปิล ปรับตัวลง 0.667% หุ้นไมโครซอฟท์ ลดลง 0.49%
หุ้นบริษัทเซมิคอนดักเตอร์ร่วงลงเช่นกัน โดยหุ้นมาร์เวลล์ เทคโนโลยี ดิ่งลง 4.14% หุ้นอินวิเดีย ร่วงลง 3.37% หุ้นไมครอน เทคโนโลยี ร่วงลง 3.52% หุ้นอินเทล ปรับตัวลง 1.57%
หุ้นกลุ่มธุรกิจค้าปลีกปรับตัวลง หลังมีการเปิดเผยผลประกอบการที่อ่อนแอ ซึ่งรวมถึงหุ้นไฟฟ์ บีโลว์ (Five Below) ร่วงลง 6.53% หุ้นชิววี่ (Chewy) ดิ่งลง 16.10% หุ้นเบสต์บาย ร่วงลง 4.28% หุ้นเมซีส์ ร่วงลง 3.87% หุ้นทาร์เก็ต ลดลง 0.44%
อย่างไรก็ดี หุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้นหลังจากราคาน้ำมัน WTI พุ่งขึ้นกว่า 3% เมื่อคืนนี้ โดยหุ้นโคโนโคฟิลลิปส์ บวก 0.39% หุ้นเอ็กซอน โมบิล พุ่งขึ้น 1.7% หุ้นฮัลลิเบอร์ตัน พุ่งขึ้น 1.77% หุ้นเชฟรอน เพิ่มขึ้น 0.68%
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ ออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) และมูดี้ส์ อนาลิติกส์ เปิดเผยว่า การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐเพิ่มขึ้น 455,000 ตำแหน่งในเดือนมี.ค. ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 450,000 ตำแหน่ง
ทางด้านกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 4/2564 ขยายตัว 6.9% ซึ่งเท่ากับตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 แต่ต่ำกว่าตัวเลขประมาณการครั้งที่ 2 ซึ่งอยู่ที่ระดับ 7.0% และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 7.1%
นักลงทุนจับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนมี.ค.ของสหรัฐในวันศุกร์นี้ ขณะที่นักวิเคราะห์ในโพลสำรวจของสำนักข่าวดาวโจนส์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานจะเพิ่มขึ้น 460,000 ตำแหน่งในเดือนมี.ค. ซึ่งน้อยกว่าในเดือนก.พ.ที่พุ่งขึ้น 678,000 ตำแหน่ง และคาดว่าอัตราว่างงานเดือนมี.ค.จะลดลงสู่ระดับ 3.7%