ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าปรับตัวลดลง ตามทิศทางดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นสหรัฐที่ปิดลบในวันพุธ (30 มี.ค.) ขณะที่ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกดิ่งลง หลังมีรายงานว่าคณะบริหารของประธานาธิบดีโจ ไบเดน กำลังพิจารณาแผนการระบายน้ำมัน 180 ล้านบาร์เรลออกจากคลังสำรองฉุกเฉินเพื่อสกัดการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมัน
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดภาคเช้าที่ระดับ 27,977.98 จุด ลดลง 49.27 จุด หรือ -0.18%, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนปิดภาคเช้าที่ 3,263.19 จุด ลดลง 3.40 จุด หรือ -0.10% และดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าที่ 27,977.98 จุด ลดลง 49.27 จุด หรือ -0.18%
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า แผนการระบายน้ำมันออกจากคลังสำรองฉุกเฉินดังกล่าวมีขึ้น ในขณะที่สำนักงานพลังงานสากล (IEA) ได้รับการผลักดันให้ประสานงานกับประเทศอื่น ๆ ในการระบายน้ำมันออกจากคลังสำรองทั่วโลกด้วย
แหล่งข่าวระบุว่า แม้ในขณะนี้ยังไม่มีการตัดสินใจในขั้นตอนสุดท้ายเกี่ยวกับการระบายน้ำมันออกจากคลังสำรองทั่วโลก แต่ทำเนียบขาวอาจจะประกาศการระบายน้ำมันจากคลังสำรองของสหรัฐอย่างเร็วที่สุดภายในวันนี้ (31 มี.ค.)
ข่าวดังกล่าวส่งผลให้สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ร่วงลง 6.50 ดอลลาร์ หรือ -6.03% แตะที่ 101.32 ดอลลาร์/บาร์เรล ณ เวลา 10.18 น.ตามเวลาไทย
นอกจากนี้ ตลาดยังถูกสกัดจากข้อมูลเศรษฐกิจจีนที่อ่อนแอในเดือนมี.ค. โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงานในวันนี้ว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตและภาคบริการหดตัวลงในเดือนมี.ค. เนื่องจากเศรษฐกิจจีนถูกกระทบจากการใช้มาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
ทั้งนี้ ดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือนมี.ค.อยู่ที่ระดับ 49.5 ลดลงจากระดับ 50.2 ในเดือนก.พ. โดยดัชนีที่อยู่ต่ำกว่าระดับ 50 บ่งชี้ว่าภาคการผลิตของจีนอยู่ในภาวะหดตัว
ส่วนดัชนี PMI ภาคบริการเดือนมี.ค.อยู่ที่ระดับ 48.4 ลดลงจากระดับ 51.6 ในเดือนก.พ. ซึ่งบ่งชี้ว่าภาคบริการของจีนอยู่ในภาวะหดตัวเช่นกัน