ตลาดหุ้นยุโรปปิดลดลงในวันพฤหัสบดี (31 มี.ค.) และปรับตัวลงเป็นไตรมาสแรกในรอบ 8 ไตรมาส เนื่องจากตลาดถูกกดดันจากความไม่แน่นอนทางการเมืองและเศรษฐกิจจากผลกระทบของการที่รัสเซียบุกโจมตียูเครน
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 455.86 จุด ลดลง 4.33 จุด หรือ -0.94% และลดลงราว 6.5% ในไตรมาสแรก หลังบวกติดต่อกัน 7 ไตรมาส เนื่องจากนักลงทุนวิตกเกี่ยวกับวิกฤตการณ์ในยูเครน
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,659.87 จุด ลดลง 81.72 จุด หรือ -1.21%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 14,414.75 จุด ลดลง 191.30 จุด หรือ -1.31% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,515.68 จุด ลดลง 63.07 จุด หรือ -0.83%
ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวลงตามแนวโน้มการลดความเสี่ยงทั่วโลก เนื่องจากความเชื่อมั่นของตลาดเกี่ยวกับการเจรจาสันติภาพได้จางหายไป หลังประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกีของยูเครนเปิดเผยว่า กองกำลังของเขากำลังเตรียมรับมือการโจมตีครั้งใหม่ของรัสเซียในภาคตะวันออกเฉียงใต้
ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินแห่งรัสเซียเปิดเผยในวันพฤหัสบดีว่า เขาได้ลงนามในคำสั่งระบุให้ผู้ซื้อต่างชาติต้องจ่ายค่าก๊าซเป็นเงินรูเบิลตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.นี้ และจะยุติสัญญาหากไม่มีการจ่ายเงินเป็นรูเบิล
ความเคลื่อนไหวของปธน.ปูตินทำให้ยุโรปเผชิญแนวโน้มที่จะขาดแคลนปริมาณก๊าซมากกว่า 1 ใน 3
แต่หุ้นกลุ่มน้ำมันและก๊าซ ปรับตัวลง 0.4% หลังราคาน้ำมันดิบลดลงจากข่าวที่ว่า สหรัฐกำลังพิจารณาที่จะระบายน้ำมันออกจากคลังสำรองทางยุทธศาสตร์
หุ้นโททาลเอ็นเนอร์จีส์และหุ้นบีพี ลดลง 2%
หุ้นกลุ่มค้าปลีกร่วง 5% หนักสุดในรอบกว่า 2 ปี
หุ้นเอชแอนด์เอ็ม (H&M) ของสวีเดนร่วง 12.9% หลังเปิดเผยว่า บริษัทจำเป็นต้องปรับขึ้นราคาสินค้าในปีนี้และรายงานผลกำไรรายไตรมาสที่อ่อนแอท่ามกลางต้นทุนด้านวัตถุดิบและการขนส่งที่อยู่ในระดับสูง