ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกในวันอังคาร (5 เม.ย.) โดยได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มเฮลธ์แคร์และกลุ่มสาธารณูปโภค ขณะเดียวกันนักลงทุนยังคงจับตาสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างรัสเซียและยูเครน รวมทั้งความเคลื่อนไหวของชาติตะวันตกที่เตรียมยกระดับการคว่ำบาตรรัสเซีย
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,613.72 จุด เพิ่มขึ้น 54.80 จุด หรือ +0.72%
หุ้นกลุ่มเฮลธ์แคร์ดีดตัวขึ้น นำโดยหุ้นแอสตร้าเซนเนก้า และหุ้นแกล็กโซสมิทไคลน์ (GSK) พุ่งขึ้น 1.9% และ 3.1% ตามลำดับ โดยหุ้น GSK ได้รับปัจจัยหนุนจากการที่นักวิเคราะห์ของบริษัทเจฟเฟอรีส์ปรับเพิ่มเป้าหมายราคาหุ้น เนื่องจากมีความเชื่อมั่นในแนวโน้มระยะยาวของ GSK
หุ้นแอสตร้าเซนเนก้าพุ่งขึ้น หลังจากยาแอนติบอดี้ "เอวูเชลด์" (Evusheld) ของแอสตร้าเซนเนก้าได้รับการอนุมัติให้ใช้กับประชาชนทั่วไปในสหภาพยุโรป (EU) แล้ว หลังจากผลการทดลองในเฟสที่ 3 บ่งชี้ว่า ยาดังกล่าวช่วยลดความเสี่ยงล้มป่วยจากการติดเชื้อโควิด-19 ได้อย่างมีนัยสำคัญ และสามารถสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกายได้อย่างน้อย 6 เดือน
หุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคได้รับแรงซื้อเช่นกัน โดยหุ้นเอสเอสอี, หุ้นยูไนเต็ด ยูทิลิตี้ส์ และหุ้นเนชันแนล กริด ต่างก็ปรับตัวขึ้นกว่า 3%
อย่างไรก็ดี หุ้นโวดาโฟน ปรับตัวลง 0.4% หลังจากนักวิเคราะห์ของบริษัทหลักทรัพย์เบเรนเบิร์ก ได้ปรับลดน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นโวดาโฟนลงสู่ระดับ "Hold" จากระดับ "Buy"
ส่วนหุ้นลอยด์ แบงกิ้ง กรุ๊ป ร่วงลง 1.2% หลังจากนักวิเคราะห์ของบาร์เคลยส์ได้ปรับลดน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นลอยด์ แบงกิง ลงมาอยู่ที่ระดับ "Equal Weight"