ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลดลงในวันพุธ (6 เม.ย.) หลังปรับตัวขึ้นติดต่อกัน 3 วัน เนื่องจากนักลงทุนวิตกว่า การคุมเข้มนโยบายการเงินเชิงรุกของสหรัฐ และการคว่ำบาตรครั้งใหม่ของชาติตะวันตกต่อรัสเซีย จะทำให้การขยายตัวทางเศรษฐกิจชะลอตัวลง
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,587.70 จุด ลดลง 26.02 จุด หรือ -0.34%
บรรดานักลงทุนระมัดระวังในการซื้อขายก่อนธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยรายงานการประชุม ซึ่งอาจบ่งชี้เกี่ยวกับการปรับลดงบดุลบัญชี และการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อรับมือกับเงินเฟ้อ
นางลาเอล เบรนาร์ด หนึ่งในคณะผู้ว่าการเฟดกล่าวเมื่อวันอังคารว่า เฟดควรปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างเป็นระบบ และเร่งปรับลดขนาดงบดุลจากระดับสูงเกือบ 9 ล้านล้านดอลลาร์ โดยเริ่มตั้งแต่เดือนหน้า พร้อมกับกล่าวว่า ขณะนี้เงินเฟ้ออยู่ในระดับที่สูงเกินไป และการชะลอเงินเฟ้อถือเป็นภารกิจที่มีความสำคัญอย่างมาก ซึ่งความเห็นของนางเบรนาร์ดกระตุ้นแรงเทขายหุ้นทั่วโลก
ความวิตกเกี่ยวกับเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นซึ่งเป็นผลกระทบจากสงครามในยูเครนนั้นถ่วงตลาดลงด้วย ขณะที่สหรัฐประกาศคว่ำบาตรรัสเซียรอบใหม่ และสหภาพยุโรป (EU) เสนอที่จะห้ามการนำเข้าถ่านหินและน้ำมันจากรัสเซีย
หุ้นยูนิลีเวอร์ร่วงลง 1.1% หลังบาร์เคลย์ส ปรับลดเป้าหมายราคาหุ้น
แต่การปรับตัวขึ้นของหุ้นแอสตร้าเซนเนก้าและหุ้นกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคช่วยพยุงตลาด โดยหุ้นอิมพีเรียล แบรนด์ พุ่ง 3.3% หลังคาดการณ์ผลกำไรครึ่งปีแรกเพิ่มขึ้น และหุ้นบริติช อเมริกัน โทแบคโค ปรับตัวขึ้นด้วย 2.4%