ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าลดลง เนื่องจากนักลงทุนยังคงกังวลกับสถานการณ์สงครามในยูเครน รวมถึงการล็อกดาวน์เพื่อสกัดโควิด-19 ในจีน และการส่งสัญญาณเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในรายงานการประชุมเมื่อเดือนมี.ค. ที่ผ่านมา
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดภาคเช้าที่ระดับ 26,820.37 จุด ลดลง 68.20 จุด หรือ -0.25%, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าที่ 21,684.44 จุด ลดลง 124.54 จุด หรือ -0.57% และดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนปิดภาคเช้าที่ 3,234.82 จุด ลดลง 1.88 จุด หรือ -0.06%
ภาวะการซื้อขายในภูมิภาคเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาถูกกดดัน หลังมีรายงานว่า ข้อเสนอของสหภาพยุโรป (EU) ที่จะห้ามนำเข้าถ่านหินจากรัสเซียนั้น คาดว่าจะมีผลบังคับใช้แค่บางส่วนไปจนถึงช่วงกลางเดือนส.ค. ซึ่งช้ากว่าที่คาดไว้ 1 เดือน
คณะกรรมาธิการยุโรป (EC) ได้เสนอคำสั่งห้ามดังกล่าวเมื่อต้นสัปดาห์นี้ เนื่องจากมีหลักฐานจำนวนมากที่ชี้ให้เห็นว่า ทหารรัสเซียกระทำทารุณต่อชาวยูเครนในเมืองบูชาและในพื้นที่อื่น ๆ
นอกจากนี้ นายโคอิจิ ฮากิอุดะ รัฐมนตรีกระทรวงอุตสาหกรรมญี่ปุ่นยังเผยว่า ญี่ปุ่นจะลดการนำเข้าถ่านหินจากรัสเซียโดยเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียร่วมกับประเทศอื่น ๆ ในกลุ่ม G7 เพื่อตอบโต้ที่รัสเซียบุกโจมตียูเครน
ขณะเดียวกัน สถานการณ์โควิด-19 ในจีนยังกระทบต่อความเชื่อมั่นนักลงทุน โดยเซี่ยงไฮ้เปิดเผยจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ที่พบเมื่อวานนี้ (7 เม.ย.) อยู่ที่ 21,222 ราย โดยตัวเลขดังกล่าวเพิ่มขึ้นจากระดับ 9,000 รายที่พบเมื่อวันอาทิตย์ ปัจจุบันนครเซี่ยงไฮ้ได้อยู่ภายใต้มาตรการล็อกดาวน์มานานกว่า 1 สัปดาห์
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจในภูมิภาคที่รายงานไปแล้ว กระทรวงการคลังญี่ปุ่นเผยว่า ญี่ปุ่นมียอดเกินดุลบัญชีเดินสะพัด 1.6 ล้านล้านเยน (1.32 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในเดือนก.พ. ลดลง 42.5% จากปีก่อนหน้า เนื่องจากต้นทุนการนำเข้าพลังงานเพิ่มสูงขึ้น
รายงานเบื้องต้นของกระทรวงการคลังระบุว่า ญี่ปุ่นมียอดเกินดุลบัญชีเดินสะพัดเป็นครั้งแรกในรอบ 3 เดือน โดยได้แรงหนุนจากยอดขาดดุลการค้าในเดือนก.พ.ที่ลดลงจากเดือนม.ค.