ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวขึ้นในวันศุกร์ (8 เม.ย.) ที่ระดับสูงสุดในรอบ 8 สัปดาห์ โดยได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์และกลุ่มธนาคารที่ปรับตัวขึ้น หลังจากตลาดปรับตัวผันผวนตลอดทั้งสัปดาห์ ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยขาขึ้นในสหรัฐ และสถานการณ์สงครามในยูเครน
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,669.56 จุด เพิ่มขึ้น 117.75 จุด หรือ +1.56%
ตลาดหุ้นลอนดอนแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 11 ก.พ. โดยหุ้นบีพี, เชลล์ และแองโกล อเมริกัน พุ่งขึ้น 3.7-4.8%
ดัชนี FTSE 100 ปรับตัวขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 5 ติดต่อกัน และบวก 3.7% แล้วในปีนี้ โดยหุ้นกลุ่มน้ำมันและเหมืองแร่ปรับตัวขึ้นตามราคาน้ำมันและโลหะ
หุ้นกลุ่มปลอดภัยปรับตัวขึ้นด้วย โดยหุ้นกลุ่มเวชภัณฑ์และสาธารณูปโภคหนุนตลาดในสัปดาห์นี้ เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อหุ้นกลุ่มปลอดภัยท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครน และแนวโน้มการคุมเข้มนโยบายการเงินอย่างรวดเร็วของธนาคารกลางทั่วโลกเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ
สหภาพยุโรป (EU) ได้ดำเนินมาตรการคว่ำบาตรครั้งที่ 5 ต่อรัสเซีย ซึ่งรวมถึงการห้ามนำเข้าถ่านหิน, ไม้, เคมีภัณฑ์ และอื่น ๆ ขณะที่อังกฤษสั่งคว่ำบาตรลูกสาวปธน.ปูตินด้วย
หุ้นรายตัวที่ปรับตัวขึ้นรวมถึงหุ้นแอสตร้าเซนเนก้า ซึ่งพุ่งขึ้น 2.5% แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ หลังเครดิต สวิส ปรับเพิ่มราคาเป้าหมายของหุ้นแอสตร้าฯ