ดาวโจนส์ฟิวเจอร์ร่วงกว่า 100 จุด กังวลบอนด์ยีลด์ส่งสัญญาณศก.ถดถอย

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday April 11, 2022 20:00 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ร่วงลงกว่า 100 จุดในวันนี้ บ่งชี้ว่าตลาดหุ้นวอลล์สตรีทจะปรับตัวลงในคืนนี้ โดยถูกกดดันจากภาวะ inverted yield curve ในตลาดพันธบัตร โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะสั้นดีดตัวเหนือพันธบัตรระยะยาว ซึ่งเป็นการบ่งชี้แนวโน้มการเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย

ขณะเดียวกัน นักลงทุนจับตาตัวเลขเงินเฟ้อและผลประกอบการของธนาคารสหรัฐในสัปดาห์นี้

ณ เวลา 19.44 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ลบ 150 จุด หรือ 0.43% สู่ระดับ 34,463 จุด

ตลาดพันธบัตรสหรัฐยังคงเกิดภาวะ inverted yield curve ในวันนี้ ก่อนที่สหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อในสัปดาห์นี้

ณ เวลา 19.24 น.ตามเวลาไทย อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปี ดีดตัวสู่ระดับ 2.815% โดยอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรดังกล่าวอยู่สูงกว่าพันธบัตรอายุ 10 ปี ซึ่งอยู่ที่ระดับ 2.778% ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 30 ปี อยู่ระดับ 2.799%

ตลาดพันธบัตรสหรัฐเกิดภาวะ inverted yield curve ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. หลังจากที่สหรัฐเปิดเผยตัวเลขจ้างงานต่ำกว่าคาด โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะสั้นดีดตัวเหนือพันธบัตรระยะยาว ซึ่งเป็นการบ่งชี้ถึงแนวโน้มการเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย

นักลงทุนกังวลว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะได้รับผลกระทบจากการที่เฟดยังคงเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ แม้สหรัฐเปิดเผยตัวเลขจ้างงานที่ต่ำกว่าคาด

ก่อนหน้านี้ เหตุการณ์อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 5 ปีพุ่งขึ้นสูงกว่าพันธบัตรอายุ 30 ปีได้เกิดขึ้นในปี 2549 ก่อนที่จะเกิดวิกฤตการเงินทั่วโลกในอีกเพียงไม่กี่ปีถัดมา

ที่ผ่านมา ภาวะ inverted yield curve มักเกิดขึ้นจากการที่นักลงทุนพากันเทขายพันธบัตรระยะสั้น และเข้าซื้อพันธบัตรระยะยาว ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจในระยะสั้น

นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค ในวันพรุ่งนี้ และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้ผลิต ในวันพุธ

นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)

รายงานการประชุมเดือนมี.ค.ของเฟดระบุว่า กรรมการเฟดสนับสนุนการปรับลดขนาดงบดุล และเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ

ทั้งนี้ กรรมการเฟดเห็นพ้องที่จะปรับลดขนาดงบดุลลงเดือนละ 9.5 หมื่นล้านดอลลาร์อย่างเร็วที่สุดในเดือนพ.ค. และสนับสนุนให้มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุม 1-2 ครั้ง หากยังคงเผชิญแรงกดดันจากเงินเฟ้อ

ตลาดการเงินคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมทั้งในเดือนพ.ค.และมิ.ย. และอัตราดอกเบี้ยจะแตะระดับ 2.50-2.75% ในช่วงสิ้นปีนี้ ซึ่งจะสูงกว่า 2.4% ซึ่งเป็นระดับที่กรรมการเฟดส่วนใหญ่มองว่าเป็นระดับที่เป็นกลาง

หากเฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนพ.ค.ตามที่ตลาดคาดไว้ ก็จะเป็นครั้งแรกที่เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% นับตั้งแต่ปี 2543


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ