ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ปรับตัวแคบในวันนี้ หลังจากตลาดหุ้นวอลล์สตรีทพุ่งขึ้นในการซื้อขายวานนี้
ณ เวลา 20.05 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์บวก 15 จุด หรือ 0.04% สู่ระดับ 34,497 จุด
ทั้งนี้ ตลาดหุ้นสหรัฐจะปิดทำการในวันพรุ่งนี้ เนื่องในวัน Good Friday
ดัชนีดาวโจนส์ปิดพุ่งขึ้นกว่า 300 จุดเมื่อวานนี้ โดยได้ปัจจัยหนุนจากการปรับตัวลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ และการเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียน
ธนาคารขนาดใหญ่ของสหรัฐ เช่น ซิตี้กรุ๊ป, โกลด์แมน แซคส์ และมอร์แกน สแตนลีย์ต่างเปิดเผยผลประกอบการที่สูงกว่าคาดในวันนี้
ราคาหุ้นของบริษัททวิตเตอร์ อิงค์พุ่งขึ้นในการซื้อขายก่อนเปิดตลาดหุ้นวอลล์สตรีทวันนี้ หลังมีข่าวว่า นายอีลอน มัสก์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัทเทสลา อิงค์ มีแผนซื้อกิจการทวิตเตอร์ โดยเสนอซื้อหุ้นในราคา 54.20 ดอลลาร์/หุ้น คิดเป็นวงเงิน 4.3 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือราว 1.4 ล้านล้านบาท
ทั้งนี้ นายมัสก์เสนอซื้อหุ้นทวิตเตอร์ที่ราคา 54.20 ดอลลาร์/หุ้น ซึ่งราคาดังกล่าวสูงกว่าถึง 38% เมื่อเทียบกับราคาปิดตลาดของทวิตเตอร์เมื่อวันที่ 1 เม.ย. ซึ่งเป็นวันซื้อขายสุดท้ายก่อนที่จะมีการเปิดเผยในวันที่ 4 เม.ย.ว่านายมัสก์ได้กลายเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดของทวิตเตอร์ด้วยการถือหุ้นมากกว่า 9%
นอกจากนี้ แถลงการณ์ที่นายมัสก์ยื่นต่อคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐ (SEC) ยังระบุว่า ทวิตเตอร์จำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลงไปสู่การเป็นบริษัทเอกชน โดยเพิกถอนหุ้นออกจากตลาดหลักทรัพย์เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ในการเป็นแพลทฟอร์มสำหรับการแสดงออกโดยเสรีสำหรับผู้ใช้บริการทั่วโลก ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับสังคมประชาธิปไตย โดยทวิตเตอร์จะไม่สามารถบรรลุวัตถุประสงค์ดังกล่าวภายใต้สภาวการณ์ปัจจุบัน
นายมัสก์ระบุว่า ข้อเสนอดังกล่าวเป็นข้อเสนอสุดท้ายและดีที่สุดของเขา ซึ่งหากไม่ได้รับการยอมรับ เขาก็พร้อมที่จะพิจารณาทบทวนสถานะการเป็นผู้ถือหุ้นของเขา
ส่วนการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐในวันนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 18,000 ราย สู่ระดับ 185,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว และสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 171,000 ราย อย่างไรก็ดี ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานดังกล่าวยังคงอยู่ต่ำกว่าระดับ 215,000 ราย ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ยต่อสัปดาห์ในช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐ ส่วนตัวเลขค่าเฉลี่ย 4 สัปดาห์ของจำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรก ซึ่งถือเป็นมาตรวัดตลาดแรงงานที่ดีกว่า เนื่องจากขจัดความผันผวนรายสัปดาห์ เพิ่มขึ้น 2,000 ราย สู่ระดับ 172,000 ราย ขณะเดียวกัน กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยังคงขอรับสวัสดิการว่างงานต่อเนื่อง ลดลง 48,000 ราย สู่ระดับ 1.48 ล้านราย