ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าร่วงลงท่ามกลางการซื้อขายที่บางเบา เนื่องจากตลาดบางแห่งปิดทำการในวันหยุดเทศกาลอีสเตอร์ ขณะที่นักลงทุนยังกังวลเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อหลังราคาน้ำมันและอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐพุ่งขึ้นเมื่อช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา นอกจากนี้ ตลาดยังซึมซับข้อมูลเศรษฐกิจจีนที่เปิดเผยเมื่อช่วงเช้านี้
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดภาคเช้าที่ระดับ 26,596.66 จุด ร่วงลง 496.53 จุด หรือ -1.83% และดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนปิดภาคเช้าที่ 3,186.35 จุด ลดลง 24.90 จุด หรือ -0.78%
ส่วนตลาดหุ้นฮ่องกงปิดทำการวันนี้ (18 เม.ย.) เนื่องในวัน Easter Monday
ตลาดถูกกดดันหลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรปรับตัวขึ้นอย่างรวดเร็วเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐอายุ 10 ปีพุ่งขึ้นสู่ระดับ 2.827% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปลายปี 2561 และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 30 ปีพุ่งแตะ 2.9%
นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) และสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ที่ปิดพุ่งขึ้นกว่า 2.5 % เมื่อวันพฤหัสบดี (14 เม.ย.) จากรายงานที่ว่า สหภาพยุโรป (EU) กำลังร่างมาตรการเพื่อคว่ำบาตรการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซียยังกดดันการซื้อขาย
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจในภูมิภาคที่รายงานในช่วงเช้านี้ สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) เปิดเผยว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ขยายตัว 4.8% ในไตรมาส 1/2565 เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 4.4%
อย่างไรก็ดี ตัวเลข GDP ในไตรมาส 1 ออกมาต่ำกว่าเป้าหมาย GDP ตลอดปี 2565 ที่รัฐบาลจีนกำหนดไว้ที่ระดับ 5% นอกจากนี้ นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าเศรษฐกิจจีนมีแนวโน้มชะลอตัวลง เนื่องจากผลกระทบของการใช้มาตรการล็อกดาวน์เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
ส่วนยอดค้าปลีกเดือนมี.ค.ร่วงลง 3.5% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งลดลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะปรับตัวลงเพียง 1.6% อย่างไรก็ดี ตลอดทั้งไตรมาส 1/2565 ยอดค้าปลีกของจีนปรับตัวขึ้น 3.3% แตะที่ระดับ 10.87 ล้านล้านหยวน (1.7 ล้านล้านดอลลาร์)
สำหรับการผลิตภาคอุตสาหกรรมของจีนในเดือนมี.ค. นั้น พุ่งขึ้น 5% เมื่อเทียบเป็นรายปี สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 4.5% และตลอดทั้งไตรมาส 1 การผลิตภาคอุตสาหกรรมขยายตัว 6.5% โดยได้แรงหนุนจากภาคการผลิตสินค้าไฮเทคที่มีการเติบโตอย่างแข็งแกร่งในช่วงเวลาดังกล่าว