ดาวโจนส์พุ่งกว่า 300 จุด นักลงทุนจับตาผลประกอบการ

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday April 19, 2022 21:10 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นกว่า 300 จุดในวันนี้ ขณะที่นักลงทุนจับตาผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน

ณ เวลา 20.59 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 34,716.88 จุด บวก 305.19 จุด หรือ 0.89%

ราคาหุ้นของบริษัทจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน (J&J) พุ่งขึ้นกว่า 3% ในการซื้อขายวันนี้ หลังบริษัทเปิดเผยว่ามีกำไรในไตรมาสแรกสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้

นอกจากนี้ J&J ประกาศปรับลดตัวเลขคาดการณ์ยอดขายและกำไรประจำปี 2565 และยุติการให้ตัวเลขคาดการณ์รายได้จากการจำหน่ายวัคซีนโควิด-19 ในปีนี้ อันเนื่องจากภาวะวัคซีนล้นตลาดในขณะนี้ ท่ามกลางความไม่แน่นอนของอุปสงค์

ก่อนหน้านี้ J&J คาดการณ์ในเดือนม.ค.ว่า บริษัทจะมีรายได้จากการจำหน่ายวัคซีนโควิด-19 ราว 3.0-3.5 พันล้านดอลลาร์ในปีนี้

นักลงทุนจับตาผลประกอบการของบริษัทเน็ตฟลิกซ์และไอบีเอ็ม ซึ่งจะมีการเปิดเผยหลังจากปิดตลาดวันนี้

อย่างไรก็ดี ตลาดยังคงถูกกดดันจากการที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีพุ่งขึ้นแตะระดับ 2.91% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปลายปี 2561 ท่ามกลางการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ

ทั้งนี้ พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีถือเป็นพันธบัตรที่ใช้อ้างอิงในการกำหนดราคาของตราสารหนี้ทั่วโลก ซึ่งรวมถึงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนอง หากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรปรับตัวขึ้น จะทำให้บริษัทต่างๆ เผชิญกับต้นทุนที่สูงขึ้นจากการชำระหนี้ ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทเหล่านี้ลดการลงทุน และลดการจ่ายเงินปันผลแก่นักลงทุน

สหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) พุ่งขึ้น 8.5% ในเดือนมี.ค. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2524

ตลาดการเงินคาดการณ์ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมทั้งในเดือนพ.ค.และมิ.ย.

หากเฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนพ.ค.ตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ ก็จะเป็นครั้งแรกที่เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% นับตั้งแต่ปี 2543

นักลงทุนจับตารายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ หรือ Beige Book ของเฟดที่จะมีการเปิดเผยในวันพรุ่งนี้ ซึ่งจะบ่งชี้ภาวะเศรษฐกิจสหรัฐ และทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟด

กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ประกาศปรับลดตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปี 2565 และ 2566 โดยระบุว่า การที่รัสเซียส่งกำลังทหารบุกโจมตียูเครนจะส่งผลกระทบในวงกว้างต่อเศรษฐกิจโลก และเป็นปัจจัยกดดันต่อราคา และถือความท้าทายต่อการดำเนินนโยบายอย่างมีนัยสำคัญ

ทั้งนี้ IMF เปิดเผยรายงานแนวโน้มเศรษฐกิจโลก (World Economic Outlook) ในวันนี้ โดยคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจโลกจะมีการขยายตัว 3.6% ทั้งในปี 2565 และ 2566 โดยลดลงจากตัวเลขคาดการณ์ในเดือนม.ค.ที่ระบุว่าเศรษฐกิจโลกจะมีการขยายตัว 4.4% ในปี 2565 และ 3.8% ในปี 2566

นอกจากนี้ IMF คาดการณ์ว่าการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกจะลดลงสู่ระดับ 3.3% ในระยะกลาง เมื่อเทียบกับ 4.1% ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ยในช่วงปี 2547-2556 และระดับ 6.1% ในปี 2564

ขณะเดียวกัน IMF เตือนว่าสงครามรัสเซีย-ยูเครนจะผลักดันให้เงินเฟ้อพุ่งขึ้น โดยเงินเฟ้อในสหรัฐจะแตะระดับ 7.7% ในปีนี้ ขณะที่ยูโรโซนจะแตะระดับ 5.3% ส่วนเงินเฟ้อในตลาดเกิดใหม่และประเทศกำลังพัฒนาจะพุ่งแตะระดับ 8.7%


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ