ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดทะยานกว่า 400 จุด ขณะที่นักลงทุนจับตาผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน
ณ เวลา 23.21 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 34,855.43 จุด บวก 443.74 จุด หรือ 1.29%
ราคาหุ้นของบริษัทจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน (J&J) พุ่งขึ้นกว่า 3% ในการซื้อขายวันนี้ หลังบริษัทเปิดเผยว่ามีกำไรในไตรมาสแรกสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้
นอกจากนี้ J&J ประกาศปรับลดตัวเลขคาดการณ์ยอดขายและกำไรประจำปี 2565 และยุติการให้ตัวเลขคาดการณ์รายได้จากการจำหน่ายวัคซีนโควิด-19 ในปีนี้ อันเนื่องจากภาวะวัคซีนล้นตลาดในขณะนี้ ท่ามกลางความไม่แน่นอนของอุปสงค์
ก่อนหน้านี้ J&J คาดการณ์ในเดือนม.ค.ว่า บริษัทจะมีรายได้จากการจำหน่ายวัคซีนโควิด-19 ราว 3.0-3.5 พันล้านดอลลาร์ในปีนี้
นักลงทุนจับตาผลประกอบการของบริษัทเน็ตฟลิกซ์และไอบีเอ็ม ซึ่งจะมีการเปิดเผยหลังจากปิดตลาดวันนี้
ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทดีดตัวขึ้นในวันนี้ แม้ว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีพุ่งขึ้นแตะระดับ 2.91% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปลายปี 2561 ท่ามกลางการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ
ทั้งนี้ พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีถือเป็นพันธบัตรที่ใช้อ้างอิงในการกำหนดราคาของตราสารหนี้ทั่วโลก ซึ่งรวมถึงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนอง หากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรปรับตัวขึ้น จะทำให้บริษัทต่างๆ เผชิญกับต้นทุนที่สูงขึ้นจากการชำระหนี้ ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทเหล่านี้ลดการลงทุน และลดการจ่ายเงินปันผลแก่นักลงทุน
สหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) พุ่งขึ้น 8.5% ในเดือนมี.ค. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2524
ตลาดการเงินคาดการณ์ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมทั้งในเดือนพ.ค.และมิ.ย.
หากเฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนพ.ค.ตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ ก็จะเป็นครั้งแรกที่เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% นับตั้งแต่ปี 2543
นักลงทุนจับตารายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ หรือ Beige Book ของเฟดที่จะมีการเปิดเผยในวันพรุ่งนี้ ซึ่งจะบ่งชี้ภาวะเศรษฐกิจสหรัฐ และทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟด
กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ประกาศปรับลดตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปี 2565 และ 2566 โดยระบุว่า การที่รัสเซียส่งกำลังทหารบุกโจมตียูเครนจะส่งผลกระทบในวงกว้างต่อเศรษฐกิจโลก และเป็นปัจจัยกดดันต่อราคา และถือความท้าทายต่อการดำเนินนโยบายอย่างมีนัยสำคัญ
ทั้งนี้ IMF เปิดเผยรายงานแนวโน้มเศรษฐกิจโลก (World Economic Outlook) ในวันนี้ โดยคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจโลกจะมีการขยายตัว 3.6% ทั้งในปี 2565 และ 2566 โดยลดลงจากตัวเลขคาดการณ์ในเดือนม.ค.ที่ระบุว่าเศรษฐกิจโลกจะมีการขยายตัว 4.4% ในปี 2565 และ 3.8% ในปี 2566
นอกจากนี้ IMF คาดการณ์ว่าการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกจะลดลงสู่ระดับ 3.3% ในระยะกลาง เมื่อเทียบกับ 4.1% ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ยในช่วงปี 2547-2556 และระดับ 6.1% ในปี 2564
ขณะเดียวกัน IMF เตือนว่าสงครามรัสเซีย-ยูเครนจะผลักดันให้เงินเฟ้อพุ่งขึ้น โดยเงินเฟ้อในสหรัฐจะแตะระดับ 7.7% ในปีนี้ ขณะที่ยูโรโซนจะแตะระดับ 5.3% ส่วนเงินเฟ้อในตลาดเกิดใหม่และประเทศกำลังพัฒนาจะพุ่งแตะระดับ 8.7%
ส่วนการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐในวันนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านเพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนมี.ค. สู่ระดับ 1.793 ล้านยูนิต สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่าลดลงสู่ระดับ 1.745 ล้านยูนิต จากระดับ 1.788 ล้านยูนิตในเดือนก.พ.