ตลาดหุ้นยุโรปปิดลดลงในวันอังคาร (19 เม.ย.) ซึ่งเป็นการปรับตัวลงมากที่สุดในรอบ 2 สัปดาห์ เนื่องจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่เพิ่มขึ้น รวมถึงความวิตกเกี่ยวกับสงครามในยูเครนและการเปิดเผยผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน ทำให้นักลงทุนชะลอการเข้าซื้อหุ้น แต่หุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวขึ้นสวนทางตลาด แม้ราคาน้ำมันร่วงลงก็ตาม
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 456.28 จุด ลดลง 3.54 จุด หรือ -0.77%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,534.79 จุด ลดลง 54.56 จุด หรือ -0.83%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 14,153.46 จุด ลดลง 10.39 จุด หรือ -0.07% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,601.28 จุด ลดลง 15.10 จุด หรือ -0.20%
ตลาดหุ้นยุโรปขนาดใหญ่ทั้งหมดปรับตัวลง นำโดยหุ้นกลุ่มปลอดภัย อาทิ กลุ่มเฮลท์แคร์และกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค โดยตลาดวิตกกับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรในยุโรปและสหรัฐที่พุ่งขึ้นในวันอังคารจากการคาดการณ์นโยบายการเงินที่ตึงตัวมากขึ้น
นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากการที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) และธนาคารโลกปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกลงเกือบ 1% เนื่องจากรัสเซียยังคงเดินหน้าทำสงครามในยูเครน
แต่ตลาดปิดเหนือระดับต่ำสุดของวัน เนื่องจากหุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวขึ้น 0.5% แม้ราคาน้ำมันดิบร่วงลง 5% ก็ตาม
การเปิดเผยผลประกอบการที่สดใสของบริษัทฮัลลิเบอร์ตันของสหรัฐช่วยหนุนหุ้นกลุ่มพลังงานของยุโรปด้วย โดยหุ้นโททาลเอ็นเนอจีส์, หุ้นบีพี และหุ้นเชลล์ ปรับตัวขึ้น 0.4-1.6%
บรรดานักลงทุนจะจับตาการเปิดเผยผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนของยุโรปในสัปดาห์นี้ อาทิ แอคคอร์ และลอรีอัล