ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกในวันพฤหัสบดี (21 เม.ย.) เนื่องจากนักลงทุนขานรับบริษัทจดทะเบียนเปิดเผยผลประกอบการที่สดใส ขณะที่ยังคงจับตาสถานการณ์สงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 461.57 จุด เพิ่มขึ้น 1.47 จุด หรือ +0.32%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,715.10 จุด เพิ่มขึ้น 90.19 จุด หรือ +1.36%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 14,502.41 จุด เพิ่มขึ้น 140.38 จุด หรือ +0.98% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,627.95 จุด ลดลง 1.27 จุดหรือ -0.02%
หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมนำตลาดปรับตัวขึ้น 1.9% ขณะที่ตลาดหุ้นในยุโรปและกลุ่มหุ้นส่วนใหญ่ปิดในแดนบวก โดยได้แรงหนุนจากการที่บริษัทจดทะเบียนหลายแห่งเปิดเผยผลประกอบการไตรมาสแรกที่แข็งแกร่งเกินคาด
หุ้นไรอันแอร์ พุ่งขึ้น 5.09% หลังได้แรงหนุนจากการที่สายการบินสหรัฐ อาทิ ยูไนเต็ด แอร์ไลน์และอเมริกัน แอร์ไลน์ คาดการณ์แนวโน้มผลประกอบการที่สดใส
หุ้นหลุยส์วิตตอง ปรับตัวขึ้น 1.7% หลังนายเบอร์นาร์ด อาร์โนลต์ ซีอีโอเปิดเผยว่า แนวโน้มผลประกอบการของบริษัทในปีนี้เป็นไปด้วยดี
ด้านตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดบวกโดยได้แรงหนุนจากรายงานข่าวที่ว่า ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครงมีแนวโน้มที่จะชนะการเลือกตั้งสมัยที่ 2
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนยังคงวิตกเกี่ยวกับสถานการณ์สงครามในยูเครน ขณะที่มีรายงานว่า ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน กล่าวว่า เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะเดินทางไปยังกรุงมอสโกเพื่อเจรจาโดยตรงกับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซียเพื่อยุติสงครามระหว่างยูเครนและรัสเซีย
ส่วนรัฐสภายูเครนมีมติขยายการประกาศใช้กฎอัยการศึกออกไปอีก 30 วันจนถึงวันที่ 25 พ.ค. ซึ่งมติดังกล่าวได้รับความเห็นชอบจากสมาชิกรัฐสภา 300 คนจากทั้งหมด 450 คน
ทั้งนี้ รัฐสภายูเครนได้ประกาศใช้กฎอัยการศึกเป็นครั้งแรกในวันที่ 24 ก.พ. ทันทีที่รัสเซียส่งกำลังทหารบุกโจมตียูเครน