ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าร่วงลงอย่างหนักในวันนี้ หลังจากดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ดิ่งลงกว่า 200 จุดในช่วงเช้านี้ เนื่องจากนักลงทุนมีความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และจีนล็อกดาวน์นครเซี่ยงไฮ้เพื่อควบคุมการระบาดของโรคโควิด-19
ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนปิดภาคเช้าที่ระดับ 3,012.18 จุด ลดลง 74.73 จุด หรือ -2.42%, ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าที่ 20,103.67 จุด ลดลง 534.85 จุด หรือ -2.59% และดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปิดภาคเช้าที่ระดับ 26,578.70 จุด ร่วงลง 526.56 จุด หรือ -1.94%
นักลงทุนวิตกเกี่ยวกับความเสี่ยงจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด หลังจากนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟดกล่าวสนับสนุนให้เฟดดำเนินการเร็วขึ้นเพื่อต่อสู้กับเงินเฟ้อ และระบุว่ามีโอกาสที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมเดือนพ.ค.
ตลาดการเงินคาดการณ์ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมเดือนพ.ค. โดยหากเป็นไปตามการคาดการณ์ ก็จะเป็นครั้งแรกที่เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% นับตั้งแต่ปี 2543
นอกจากนี้ ตลาดยังวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบจากการที่จีนยังคงล็อกดาวน์นครเซี่ยงไฮ้ เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยเซี่ยงไฮ้รายงานพบผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 รายจำนวน 51 รายในวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ( 24 เม.ย.) ซึ่งเพิ่มขึ้นจากจำนวน 39 รายในวันเสาร์ และทำสถิติการเสียชีวิตรายวันสูงสุดนับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดระลอกใหม่ในเซี่ยงไฮ้
ส่วนราคาน้ำมัน WTI ร่วงลงหลุดจากระดับ 100 ดอลลาร์ช่วงเช้านี้ เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่า การที่จีนล็อกดาวน์นครเซี่ยงไฮ้เป็นเวลานาน และการที่เฟดเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย จะส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมัน
ณ เวลา 09.15 น.ตามเวลาไทย สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนมิ.ย. ร่วงลง 3.01 ดอลลาร์ หรือ -2.95% แตะที่ระดับ 99.06 ดอลลาร์/บาร์เรล