ตลาดหุ้นลอนดอนปิดร่วงลงในวันจันทร์ (25 เม.ย.) เนื่องจากหุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์และกลุ่มธนาคารนำตลาดร่วงลงเกือบ 2% ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกซึ่งส่งผลกระทบต่อบรรยากาศการซื้อขายในช่วงเริ่มต้นสัปดาห์ของการเปิดเผยผลประกอบการไตรมาสแรกของบริษัทจดทะเบียน
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,380.54 จุด ลดลง 141.14 จุด หรือ -1.88%
ตลาดปรับตัวลงแตะระดับต่ำสุดในรอบกว่า 5 สัปดาห์ โดยร่วงลงมากถึง 2.4%
หุ้นบีพีและหุ้นเชลล์ร่วงลง 6.2% และ 5.2% ตามลำดับ และหุ้นกลุ่มเหมืองแร่อุตสาหกรรม ร่วงลง 5.6% จากความวิตกว่า การล็อกดาวน์เพื่อควบคุมโรคโควิด-19 ในจีนจะถ่วงความต้องการใช้โลหะและน้ำมันดิบ
หุ้นกลุ่มธนาคาร ร่วงลง 3.2% โดยหุ้นธนาคารที่เน้นทำธุรกิจในเอเชีย อาทิ เอชเอสบีซีและสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด ร่วงลงก่อนการเปิดเผยผลประกอบการในสัปดาห์นี้
นอกจากความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจจีนแล้ว นักลงทุนยังวิตกเกี่ยวกับแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยทั่วโลกด้วย
การเปิดเผยผลประกอบการที่อ่อนแอกดดันหุ้นรายตัว อาทิ หุ้นแมคคอลล์ส รีเทล กรุ๊ป ร่วง 53.1% หลังคาดการณ์ผลกำไรทั้งปีซบเซา หลังจากยอดขายช่วงเทศกาลอีสเตอร์อ่อนแอกว่าคาด โดยถูกกระทบจากการใช้จ่ายที่ลดลงของผู้บริโภค และภาวะชะงักงันด้านห่วงโซ่อุปทาน