ดัชนีดาวโจนส์ร่วงลงอย่างต่อเนื่องในวันนี้ ล่าสุดดิ่งลงกว่า 500 จุด ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในการประชุมสัปดาห์หน้า
นอกจากนี้ นักลงทุนยังวิตกต่อความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน หลังจากที่นายเซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย เตือนว่า วิกฤตการณ์รัสเซีย-ยูเครนอาจลุกลามกลายเป็นสงครามนิวเคลียร์
ณ เวลา 22.54 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 33,529.80 จุด ลบ 519.66 จุด หรือ 1.53% ส่วนดัชนี S&P 500 ดิ่งลง 1.97% และดัชนี Nasdaq ทรุดตัวลง 3.12%
หากพิจารณาตั้งแต่ต้นเดือนเม.ย. ดัชนีดาวโจนส์ร่วงลง 3% ส่วนดัชนี S&P 500 ดิ่งลง 7% และดัชนี Nasdaq ทรุดตัวลง 11%
ดัชนีดาวโจนส์ปิดตลาดวานนี้บวก 238.06 จุด หรือ 0.70% ท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวน หลังจากดิ่งลงเกือบ 500 จุดในการซื้อขายระหว่างวัน ต่อเนื่องจากที่ทรุดตัวลงเกือบ 1,000 จุดเมื่อวันศุกร์ ขณะที่นักลงทุนวิตกเกี่ยวกับผลกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐจากการที่เฟดเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
หุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวสวนทางตลาด โดยได้แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของราคาน้ำมันในวันนี้
หุ้น 3M และยูพีเอสดิ่งลง 2% และ 3% ตามลำดับ แม้เปิดเผยผลประกอบการสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้
นักลงทุนจับตาผลประกอบการของบริษัทไมโครซอฟท์ และอัลฟาเบท ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล หลังจากปิดตลาดวันนี้ ส่วนบริษัทแอปเปิล, แอมะซอน รวมทั้งบริษัทเมตา แพลตฟอร์มส์ หรือเฟซบุ๊ก จะเปิดเผยผลประกอบการในสัปดาห์นี้
บริษัทจดทะเบียน 102 แห่งในดัชนี S&P 500 ได้รายงานผลประกอบการในไตรมาสแรกแล้ว โดย 77.5% ในจำนวนดังกล่าวมีกำไรสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
ตลาดจับตาการประชุมนโยบายการเงินของเฟดในวันที่ 3-4 พ.ค. ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด หลังจากนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด กล่าวว่า เขาสนับสนุนให้เฟดดำเนินการเร็วขึ้นเพื่อต่อสู้กับเงินเฟ้อ และระบุว่ามีโอกาสที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมเดือนพ.ค. ซึ่งจะเป็นครั้งแรกที่เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% นับตั้งแต่ปี 2543
นอกจากนี้ ตลาดยังกังวลว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแรงขึ้นหลังเดือนพ.ค. โดยอาจปรับขึ้น 0.75% เพื่อสกัดเงินเฟ้อ
ส่วนการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐในวันนี้ ผลสำรวจของเอสแอนด์พี คอร์โลจิก เคส ชิลเลอร์ บ่งชี้ว่า ดัชนีราคาบ้านในสหรัฐดีดตัวขึ้นในเดือนก.พ.
ทั้งนี้ ดัชนีราคาบ้านทั่วประเทศในสหรัฐพุ่งขึ้น 19.8% ในเดือนก.พ. เมื่อเทียบรายปี จากระดับ 19.1% ในเดือนม.ค.
ส่วนดัชนีราคาบ้านใน 20 เมืองของสหรัฐ พุ่งขึ้น 20.2% หลังจากเพิ่มขึ้น 18.9% ในเดือนม.ค.
ราคาบ้านเพิ่มขึ้นสูงสุดในเมืองฟีนิกซ์ แทมปา และไมอามี
ราคาบ้านยังคงได้รับแรงหนุนจากอุปสงค์ของผู้ซื้อบ้าน และสต็อกบ้านที่ตึงตัว แม้ว่าอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนองดีดตัวขึ้น
ผลสำรวจของ Conference Board ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยเศรษฐกิจ ระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐปรับตัวลงสู่ระดับ 107.3 ในเดือนเม.ย. และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 108.0 จากระดับ 107.6 ในเดือนมี.ค.
ดัชนีความเชื่อมั่นต่อสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน และในช่วง 6 เดือนข้างหน้าได้ชะลอตัวลง แต่ความต้องการใช้จ่ายของผู้บริโภคยังคงมีความแข็งแกร่ง
ทั้งนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐเป็นการสำรวจมุมมองของผู้บริโภค และความเชื่อมั่นต่อสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน และในช่วง 6 เดือนข้างหน้า, สถานะการเงินส่วนบุคคล และการจ้างงาน
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐ เช่น เครื่องบิน รถยนต์ และเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่มีอายุการใช้งานตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป เพิ่มขึ้น 0.8% ในเดือนมี.ค. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าเพิ่มขึ้น 0.5% หลังจากลดลง 1.7% ในเดือนก.พ.
ทั้งนี้ ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนในเดือนมี.ค.ได้รับแรงหนุนจากคำสั่งซื้อรถยนต์
ส่วนยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนพื้นฐาน ซึ่งเป็นคำสั่งซื้อสินค้าทุนที่ไม่รวมเครื่องบิน และสินค้าด้านอาวุธ โดยเป็นสิ่งบ่งชี้แผนการใช้จ่ายของภาคธุรกิจ พุ่งขึ้น 1.0% ในเดือนมี.ค. หลังจากลดลง 0.3% ในเดือนก.พ.
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดขายบ้านใหม่ดิ่งลง 8.6% สู่ระดับ 763,000 ยูนิตในเดือนมี.ค. และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 765,000 ยูนิต จากระดับ 835,000 ยูนิตในเดือนก.พ.
เมื่อเทียบรายปี ยอดขายบ้านใหม่ดิ่งลง 12.6% ในเดือนมี.ค.
ยอดขายบ้านใหม่ได้รับผลกระทบจากราคาบ้านที่พุ่งขึ้น และการดีดตัวขึ้นของอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนอง