ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าลดลงตามทิศทางตลาดหุ้นนิวยอร์ก ขณะที่นักลงทุนกังวลเกี่ยวกับสงครามในยูเครนที่อาจทำให้ราคาน้ำมันและราคาสินค้าโภคภัณฑ์ปรับตัวสูงขึ้น
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดภาคเช้าที่ระดับ 26,198.79 จุด ร่วงลง 501.32 จุด หรือ -1.88% ส่วนดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าที่ 19,952.90 จุด เพิ่มขึ้น 18.19 จุด หรือ +0.09% และดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนปิดภาคเช้าที่ 2,897.41 จุด เพิ่มขึ้น 10.99 จุด หรือ +0.38%
นักลงทุนยังคงกังวลสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน โดยล่าสุดโปแลนด์และบัลแกเรียเปิดเผยว่า รัสเซียจะระงับการจัดส่งก๊าซธรรมชาติไปยังโปแลนด์และบัลแกเรียซึ่งเป็น 2 ประเทศสมาชิกขององค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (นาโต) และสหภาพยุโรป (EU) ตั้งแต่วันนี้ (27 เม.ย.) ซึ่งทำให้ความขัดแย้งระหว่างชาติตะวันตกและรัสเซียจากผลพวงของประเด็นยูเครนรุนแรงยิ่งขึ้น
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่เปิดเผยเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงานว่า กำไรของภาคอุตสาหกรรมจีนปรับตัวขึ้นเพียง 8.5% ในไตรมาส 1/2565 ซึ่งชะลอตัวลงจากไตรมาส 4/2564 เนื่องจากผลกระทบของการที่จีนสั่งล็อกดาวน์เมืองอุตสาหกรรมหลายแห่งเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งส่งผลกระทบอย่างหนักต่อระบบโลจิสติกส์และการขนส่ง
อย่างไรก็ดี กำไรภาคอุตสาหกรรมเฉพาะในเดือนมี.ค. พุ่งขึ้น 10.6% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจากช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้ที่ขยายตัวเพียง 5%
ทางด้านสำนักงานสถิติแห่งชาติออสเตรเลีย (ABS) รายงานว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่สำคัญ พุ่งขึ้น 5.1% ในไตรมาส 1/2565 เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะเพิ่มขึ้น 4.6%
ทั้งนี้ ดัชนี CPI ไตรมาส 1 ทำสถิติขยายตัวรวดเร็วที่สุดในรอบ 20 ปี เนื่องจากต้นทุนด้านพลังงาน การก่อสร้างที่อยู่อาศัย และราคาอาหาร ปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งข้อมูลดังกล่าวได้กระตุ้นให้เกิดการคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) อาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 3 พ.ค.นี้