ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกในวันพุธ (27 เม.ย.) ขานรับผลประกอบการที่แข็งแกร่งเกินคาดของบริษัทไมโครซอฟท์และวีซ่า อย่างไรก็ดี บรรยากาศการซื้อขายในตลาดยังคงถูกกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจโลกและการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,301.93 จุด เพิ่มขึ้น 61.75 จุด หรือ +0.19%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,183.96 จุด เพิ่มขึ้น 8.76 จุด หรือ +0.21% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 12,488.93 จุด ลดลง 1.81 จุด หรือ -0.01%
หุ้นไมโครซอฟท์ทะยานขึ้น 4.81% หลังบริษัทเปิดเผยกำไรต่อหุ้นในไตรมาส 3 ของปีงบการเงิน 2565 อยู่ที่ 2.22 ดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 2.19 ดอลลาร์ ส่วนรายได้ในไตรมาส 4/2565 นั้น คาดว่าจะอยู่ที่ 5.24-5.32 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งตัวเลขคาดการณ์ของไมโครซอฟท์สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 5.295 หมื่นล้านดอลลาร์
หุ้นวีซ่า พุ่งขึ้น 6.47% หลังบริษัทเปิดเผยกำไรในไตรมาส 2 ของปีงบการเงิน 2565 เพิ่มขึ้น 21% แตะที่ 3.65 พันล้านดอลลาร์ หรือ 1.70 ดอลลาร์ต่อหุ้น จากช่วงเวลาเดียวกันของปีงบการเงิน 2564 ซึ่งอยู่ที่ 3.03 พันล้านดอลลาร์ หรือ 1.38 ดอลลาร์ต่อหุ้น
หุ้น 5 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปิดในแดนบวก นำโดยดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้น 1.48% โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล พุ่งขึ้น 2.84% หุ้นโคโนโคฟิลลิปส์ ดีดขึ้น 1.89% หุ้นฮัลลิเบอร์ตัน พุ่งขึ้น 2.36% หุ้นออคซิเดนเชียล ปิโตรเลีย บวก 1.4%
ดัชนีหุ้นกลุ่มวัสดุปรับตัวขึ้นกว่า 1.4% โดยหุ้นฟรีพอร์ท-แมคมอแรน พุ่งขึ้น 3.76% หุ้นนูคอร์ พุ่งขึ้น 1.25% หุ้นยูเอส สตีล คอร์ป บวก 0.73% หุ้นวัลแคน มาเทเรียลส์ เพิ่มขึ้น 0.93%
อย่างไรก็ดี ดัชนีหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและการสื่อสารร่วงลง 2.61% หลังจากอัลฟาเบท ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิลเปิดเผยกำไรต่อหุ้นในไตรมาส 1/2565 อยู่ที่ 24.62 ดอลลาร์ ลดลงจากไตรมาส 4/2564 ซึ่งอยู่ที่ 30.69 ดอลลาร์ และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 25.91 ดอลลาร์
ทั้งนี้ หุ้นอัลฟาเบท ร่วงลง 3.67% หุ้นเมตา แพลตฟอร์มส ร่วงลง 3.32% หุ้นทวิตเตอร์ ดิ่งลง 2.07% หุ้นแอมะซอน ปรับตัวลง 0.88% หุ้นเน็ตฟลิกซ์ ร่วงลง 4.97%
หุ้นโบอิ้ง ดิ่งลง 7.53% หลังบริษัทเปิดเผยตัวเลขขาดทุนนในไตรมาส 1/2565 อยู่ที่ 2.75 ดอลลาร์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0.27 ดอลลาร์/หุ้น ส่วนรายได้อยู่ 1.399 หมื่นล้านดอลลาร์ ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.602 หมื่นล้านดอลลาร์ เนื่องจากบริษัทเผชิญค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นในการผลิตเครื่องบินเชิงพาณิชย์ และเครื่องบินรบ โดยได้รับผลกระทบจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน
นักลงทุนจับตาประชุมนโยบายการเงินของเฟดในวันที่ 3-4 พ.ค. ท่ามกลางกระแสคาดการณ์ที่ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมครั้งนี้ นอกจากนี้ ตลาดยังกังวลว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแรงขึ้นหลังเดือนพ.ค. โดยอาจปรับขึ้น 0.75% เพื่อสกัดเงินเฟ้อ
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิดเผยว่า ดัชนีการทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) ลดลง 1.2% ในเดือนมี.ค. เมื่อเทียบรายเดือน สู่ระดับ 103.7 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค.2563 และปรับตัวลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 5