ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกในวันศุกร์ (29 เม.ย.) ที่ระดับสูงสุดในรอบ 1 สัปดาห์ เนื่องจากการเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียนและการทะยานขึ้นของหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ได้ช่วยหนุนแรงซื้อหุ้นในวันสุดท้ายของการซื้อขายในเดือนเม.ย.ซึ่งเป็นเดือนที่มีการซื้อขายผันผวนท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 450.39 จุด เพิ่มขึ้น 3.32 จุด หรือ +0.74%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,533.77 จุด เพิ่มขึ้น 25.63 จุด หรือ +0.39%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 14,097.88 จุด เพิ่มขึ้น 118.04 จุด หรือ +0.84% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,544.55 จุด เพิ่มขึ้น 35.36 จุด หรือ +0.47%
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ทะยานขึ้น 2.5% ในวันศุกร์ เนื่องจากราคาสินแร่เหล็กและราคาทองแดงปรับตัวขึ้น หลังจีนยืนยันที่จะสนับสนุนเศรษฐกิจ ซึ่งเพิ่มความหวังว่าจะช่วยหนุนอุปสงค์โลหะต่อไป
การเปิดเผยผลประกอบการที่สดใสช่วยหนุนตลาดด้วย โดยหุ้นโนโว นอร์ดิสค์ ซึ่งเป็นบริษัทเวชภัณฑ์ของเดนมาร์ก พุ่งขึ้น 5.4% หลังปรับเพิ่มแนวโน้มยอดขายและผลกำไรจากการดำเนินงานในปีนี้
หุ้นเรมี คอนโทร ซึ่งเป็นบริษัทผลิตสุราของฝรั่งเศส บวก 1.8% หลังจากคาดว่าผลประกอบการจะแข็งแกร่งในไตรมาสแรก
ข้อมูลจากริฟินิทีฟ (Refinitiv) บ่งชี้ว่า บรรดานักวิเคราะห์คาดว่า บริษัทในดัชนี STOXX 600 จะมีผลกำไรเพิ่มขึ้น 27.1% ในไตรมาสแรก และ 13.7% ในไตรมาส 2 โดยได้แรงหนุนมากที่สุดจากบริษัทด้านพลังงาน
หุ้นโปรซัสซึ่งเป็นบริษัทเทคโนโลยีของเนเธอร์แลนด์ และถือหุ้นใหญ่ในบริษัทเทนเซ็นต์ของจีน พุ่งขึ้น 9% หลังมีรายงานข่าวว่า ผู้ควบคุมด้านกฎระเบียบของสหรัฐและจีนกำลังเจรจามาตรการสำคัญเพื่อหลีกเลี่ยงการเพิกถอนหุ้นบริษัทจีนออกจากตลาดหุ้นสหรัฐ
อย่างไรก็ตาม ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดเดือนเม.ย.ติดลบ 1.2% เนื่องจากความวิตกเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย, ปริมาณก๊าซจากรัสเซีย, การล็อกดาวน์เพื่อควบคุมโรคโควิด-19 ในจีน และมูลค่าที่ระดับสูงของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีของสหรัฐได้กระตุ้นแรงขายหุ้นทั่วโลกในเดือนเม.ย.