ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบในวันจันทร์ (2 พ.ค.) โดยถูกกดดันจากความวิตกเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนหลังจากการเปิดเผยข้อมูลภาคการผลิตที่อ่อนแอ ขณะที่การซื้อขายเป็นไปอย่างเบาบาง เนื่องจากตลาดหุ้นลอนดอนปิดทำการวันหยุดธนาคาร
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 443.83 จุด ลดลง 6.56 จุด หรือ -1.46%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,425.61 จุด ลดลง 108.16 จุด หรือ -1.66% และดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 13,939.07 จุด ลดลง 158.81 จุด หรือ -1.13% ส่วนตลาดหุ้นลอนดอนปิดทำการในวันจันทร์ (2 พ.ค.) เนื่องในวันหยุดธนาคาร
ตลาดหุ้นยุโรปร่วงลงมากถึง 3% ในระหว่างวัน โดยดัชนีหุ้นสตอกโฮล์มร่วงลงถึง 8% ซึ่งโบรกเกอร์ระบุว่าเกิดจากการซื้อขายที่ผิดพลาด
ดัชนีความผันผวนของตลาดหุ้นยูโรโซนพุ่งแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่กลางเดือนมี.ค.ที่ระดับ 35.99 ก่อนปรับตัวลงมาอยู่ที่ 34.04
ข้อมูลของจีนที่เปิดเผยในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาบ่งชี้ว่า ภาคการผลิตในจีนหดตัวลงมากกว่าคาดในเดือนเม.ย. เนื่องจากการล็อกดาวน์เพื่อควบคุมโรคโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อการผลิตภาคอุตสาหกรรมและห่วงโซ่อุปทาน
กลุ่มหุ้นที่มีธุรกิจเชื่อมโยงกับจีน อาทิ กลุ่มรถยนต์, สินค้าหรูหรา, บริษัทผลิตชิป และกลุ่มอุตสาหกรรม ปรับตัวลงตามกัน
นักลงทุนจะจับตาการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในสัปดาห์นี้ ซึ่งคาดกันว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% เพื่อสกัดกั้นเงินเฟ้อ
ตลาดวิตกว่าเศรษฐกิจโลกจะชะลอตัวลงอย่างรุนแรง อันเนื่องมาจากปัจจัยต่าง ๆ อาทิ จีนดำเนินมาตรการควบคุมโควิดอย่างเข้มงวด, ความขัดแย้งในยูเครน และแนวโน้มที่เฟดจะคุมเข้มนโยบายการเงินเชิงรุก
นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากการขึ้นเครื่อง XD ของหุ้นหลายตัว อาทิ เมอร์ซีเดส-เบนซ์, ไบเออร์, คอนติเนนตัล และบีเอเอสเอฟ
หุ้นเวสทาส ซึ่งเป็นบริษัทผลิตกังหันลม ร่วงลง 7.9% หลังปรับลดแนวโน้มผลกำไรทั้งปี