ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 900 จุดในวันพุธ (4 พ.ค.) หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ และนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟดได้ปฏิเสธแนวโน้มที่เฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยรุนแรงถึง 0.75%
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,061.06 จุด พุ่งขึ้น 932.27 จุด หรือ +2.81%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,300.17 จุด เพิ่มขึ้น 124.69 จุด หรือ +2.99% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 12,964.86 จุด พุ่งขึ้น 401.10 จุด หรือ +3.19%
คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.50% สู่ระดับ 0.75% - 1.00% ในการประชุมเมื่อวานนี้ตามคาด ซึ่งเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนพ.ค. 2543 และเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งใหญ่ที่สุดในรอบกว่า 20 ปี
นอกจากนี้ เฟดยังเปิดเผยแผนทยอยปรับลดขนาดงบดุล (Quantitative Tightening : QT) โดยจะเริ่มดำเนินการตั้งแต่เดือนมิ.ย. ซึ่งงบดุลดังกล่าวประกอบด้วยพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐและตราสารหนี้ที่มีสินเชื่อที่อยู่อาศัยเป็นหลักประกันการจำนอง (MBS) โดยขณะนี้มีมูลค่ารวม 8.9 ล้านล้านดอลลาร์
นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟดได้แถลงข่าวภายหลังการประชุมว่า ตลาดแรงงานของสหรัฐอยู่ในภาวะตึงตัวอย่างมากและอัตราเงินเฟ้อก็อยู่ในระดับที่สูงเกินไป ซึ่งเฟดจะเร่งดำเนินการให้อัตราเงินเฟ้อชะลอตัวลง พร้อมกับส่งสัญญาณว่าเฟดอาจจะปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.50% ในการประชุม 2 ครั้งข้างหน้า อย่างไรก็ดี นายพาวเวลกล่าวว่า ขณะนี้คณะกรรมการเฟดยังไม่ได้พิจารณาเรื่องการปรับขึ้นดอกเบี้ยรุนแรงถึง 0.75%
หุ้นทั้ง 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปิดในแดนบวก นำโดยดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้น 4.12% หลังจากราคาน้ำมัน WTI ทะยานขึ้นกว่า 5% เมื่อคืนนี้ โดยหุ้นโคโนโคฟิลลิปส์ พุ่งขึ้น 4.98% หุ้นเอ็กซอน โมบิล พุ่งขึ้น 3.98% หุ้นเชฟรอน เพิ่มขึ้น 3.14% หุ้นฮัลลิเบอร์ตัน ดีดขึ้น 3.87%
ดัชนีหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและการสื่อสารพุ่งขึ้น 3.68% โดยหุ้นแอปเปิล พุ่งขึ้น 4.1% หุ้นอัลฟาเบท พุ่งขึ้น 4.2% หุ้นเมตา แพลตฟอร์มส พุ่งขึ้น 5.37% หุ้นทวิตเตอร์ บวก 0.43% หุ้นแอมะซอน ปรับตัวขึ้น 1.35% หุ้นเน็ตฟลิกซ์ พุ่งขึ้น 2.07%
หุ้นกลุ่มธนาคารพุ่งขึ้น หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐอายุ 10 ปีทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย. 2561 โดยหุ้นซิตี้กรุ๊ป พุ่งขึ้น 4.27% หุ้นเจพีมอร์แกน พุ่งขึ้น 3.37% หุ้นโกลด์แมน แซคส์ ดีดขึ้น 3% หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา พุ่งขึ้น 4.01% หุ้นเวลส์ ฟาร์กโก พุ่งขึ้น 4.12%
หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมซึ่งเป็นดัชนีชี้วัดแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐปรับตัวขึ้นขานรับผลประชุมเฟดและถ้อยแถลงของนายพาวเวลเช่นกัน โดยหุ้นแคทเธอร์ พิลลาร์ ซึ่งเป็นบริษัทผลิตเครื่องมือก่อสร้างขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ทะยานขึ้น 4.2% หุ้นโบอิ้ง พุ่งขึ้น 2.21% หุ้นเจเนอรัล อิเล็กทริก (จีอี) พุ่งขึ้น 3.57% หุ้น 3M พุ่งขึ้น 4.11%
หุ้นสตาร์บัคส์พุ่งขึ้น 9.83% หลังบริษัทเปิดเผยรายได้ในไตรมาส 2 ของปีงบการเงิน 2565 พุ่งขึ้น 14.5% แตะที่ 7.64 พันล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 7.6 พันล้านดอลลาร์
สำหรับขัอมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ ออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) และมูดี้ส์ อนาลิติกส์ เปิดเผยว่า การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐเพิ่มขึ้นเพียง 247,000 ตำแหน่งในเดือนเม.ย. ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 395,000 ตำแหน่ง
ขณะที่สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีภาคบริการของสหรัฐปรับตัวลงสู่ระดับ 57.1 ในเดือนเม.ย. ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 58.5 หลังจากแตะระดับ 58.3 ในเดือนมี.ค. อย่างไรก็ดี ดัชนียังคงอยู่เหนือระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ถึงการขยายตัวของภาคบริการ
นักลงทุนจับตากระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนเม.ย.ในวันศุกร์นี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานเดือนเม.ย.จะเพิ่มขึ้น 390,000 ตำแหน่ง และอัตราการว่างงานจะลดลงสู่ระดับ 3.5%