ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลดลงในวันพุธ (4 พ.ค.) โดยถูกกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค และกลุ่มเฮลท์แคร์ ขณะที่นักลงทุนรอคอยผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งจะประกาศหลังปิดตลาด
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,493.45 จุด ลดลง 67.88 จุด หรือ -0.90%
หุ้นกลุ่มเฮลท์แคร์และกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคฉุดตลาดลง อาทิ หุ้นแอสตร้าเซนเนก้า, หุ้นแกล็กโซสมิทไคล์น, หุ้นดิอาจีโอ และหุ้นยูนิลีเวอร์
หุ้นริโอ ทินโตและหุ้นแองโกล อเมริกัน ปรับตัวลง หลังไลบีรัมปรับลดน้ำหนักการลงทุนของหุ้นกลุ่มเหมืองแร่
หุ้นเชลล์และหุ้นบีพี ปรับตัวขึ้นเกือบ 0.5% หลังราคาน้ำมันดิบดีดตัวขึ้นหลังสหภาพยุโรป (EU) ประกาศแผนที่จะยกเลิกการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซียซึ่งบดบังความวิตกเกี่ยวกับอุปสงค์น้ำมันดิบที่ลดลงในจีน
นักลงทุนคาดว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.5% และเปิดเผยแผนลดงบดุลบัญชีที่มีมูลค่า 8.9 ล้านล้านดอลลาร์ และธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกเป็นครั้งที่ 4 ติดต่อกันในวันพฤหัสบดีนี้
นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันเนื่องจากนักลงทุนวิตกว่า เงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น, สงครามในยูเครน และการล็อกดาวน์ในจีนเพื่อควบคุมโรคโควิด-19 ได้ถ่วงแนวโน้มการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก
หุ้นบูฮูซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกแฟชั่นออนไลน์ ร่วงลง 12.4% หลังรายงานผลประกอบการหลักรายปีร่วงลง 28% และเตือนว่า ปัจจัยต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับโรคระบาดจะกระทบผลประกอบการอีกในปีนี้
แต่หุ้นเอชเอสบีซี ปรับตัวขึ้น 0.5% สวนทางตลาด หลังประกาศแผนซื้อคืนหุ้นวงเงิน 1 พันล้านดอลลาร์