จับตา "Sell in May" หลังวอลล์สตรีททรุดหนักวันนี้

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday May 6, 2022 01:01 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ดิ่งลงอย่างต่อเนื่องในวันนี้ ล่าสุดทรุดตัวลงกว่า 1,200 จุด หลุดระดับ 33,000 จุด โดยหุ้นร่วงลงทุกกลุ่ม หลังตลาดหุ้นวอลล์สตรีทพุ่งขึ้นอย่างมากในการซื้อขายวานนี้

ณ เวลา 23.02 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 32,834.79 จุด ลบ 1,226.27 จุด หรือ 3.6% ขณะที่ดัชนี S&P 500 ร่วงลง 4.11% และดัชนี Nasdaq ดิ่งลง 5.31%

การทรุดตัวของตลาดหุ้นวอลล์สตรีทในวันนี้ ทำให้มีการจับตาคำกล่าว "Sell in May and Go Away" ว่าจะเป็นจริงหรือไม่ในปีนี้

ทั้งนี้ "Sell in May and Go Away" หรือ "ขายหุ้นในเดือนพ.ค. ก่อนเผ่นออกจากตลาด" เป็นการแนะนำให้นักลงทุนเทขายหุ้นเพื่อทำกำไรจากการพุ่งขึ้นในช่วงเดือนพ.ย.-เม.ย. ก่อนที่จะถอนตัวอยู่นอกตลาดในช่วงเดือนพ.ค.-ต.ค.

สถิติที่ผ่านมาบ่งชี้ว่า ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทมักมีผลตอบแทนค่อนข้างต่ำในช่วงเดือนพ.ค.-ต.ค. โดยนับตั้งแต่ปี 1946 พบว่า ดัชนี S&P 500 ให้ผลตอบแทนเพียง 1.6% ในช่วงเวลาดังกล่าว เมื่อเทียบกับ 6.8% ในเดือนพ.ย.-เม.ย.

ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นกว่า 900 จุดในการซื้อขายวานนี้ หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ และนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ยืนยันว่า เฟด "ยังไม่ได้พิจารณา" ที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากถึง 0.75%

อย่างไรก็ดี นักลงทุนยังคงคาดการณ์ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมกำหนดนโยบายการเงินในเดือนมิ.ย. แม้นาย พาวเวลปฏิเสธความเป็นไปได้ดังกล่าว

ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 75% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมวันที่ 14-15 มิ.ย. เพิ่มขึ้นจากระดับ 19% เมื่อเดือนที่แล้ว

นอกจากนี้ นักลงทุนยังคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยรวมมากกว่า 2.00% ในปีนี้ ซึ่งจะทำให้อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นแตะระดับ 2.85% ในช่วงสิ้นปีนี้

"เห็นได้ชัดว่า นักลงทุนที่ซื้อขายสัญญาอัตราดอกเบี้ยล่วงหน้าไม่ได้ฟังนายพาวเวล" สำนักวิจัยดาต้าเทรคระบุในทวิตเตอร์

ส่วนนายคิม รูเพิร์ท กรรมการผู้จัดการของบริษัทแอคชั่น อิโคโนมิกส์ กล่าวว่า "ถึงแม้นายพาวเวลยืนยันว่าเฟดไม่ได้พิจารณาขึ้นดอกเบี้ย 0.75% แต่ FOMC ก็จะยังคงปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ และเนื่องจากสหรัฐยังคงมีการขยายตัวที่ดีในปีนี้ จึงทำให้เฟดยังคงมีโอกาสที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป"

นอกจากนี้ นักลงทุนส่งแรงเทขายในตลาดวันนี้ หลังผิดหวังต่อการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจ โดยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานสูงกว่าคาด ขณะที่ตัวเลขประสิทธิภาพในการผลิตของแรงงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐดิ่งลงในไตรมาสแรก

กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 19,000 ราย สู่ระดับ 200,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ. และเป็นตัวเลขการเพิ่มขึ้นรายสัปดาห์มากที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ค.2564

นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกอยู่ที่ระดับ 182,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว

กระทรวงแรงงานสหรัฐยังเปิดเผยว่า ประสิทธิภาพในการผลิตของแรงงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐดิ่งลง 7.5% ในไตรมาส 1/65 ซึ่งเป็นการทรุดตัวลงมากที่สุดนับตั้งแต่ไตรมาส 3 ของปี 2490 หลังจากขยายตัว 6.3% ในไตรมาส 4/64

นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าประสิทธิภาพในการผลิตของแรงงานลดลง 5.4% ในไตรมาส 1/65

ทั้งนี้ ประสิทธิภาพในการผลิตของแรงงานเป็นการวัดผลผลิตรายชั่วโมงต่อแรงงาน 1 คน

นักลงทุนจับตาตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรในวันพรุ่งนี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานเพิ่มขึ้น 390,000 ตำแหน่งในเดือนเม.ย. ส่วนอัตราการว่างงานจะลดลงสู่ระดับ 3.5%

ก่อนหน้านี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 431,000 ตำแหน่งในเดือนมี.ค. ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 490,000 ตำแหน่ง ส่วนอัตราการว่างงานปรับตัวลงสู่ระดับ 3.6% ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 3.7%


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ