ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ปรับตัวผันผวนในแดนบวกสลับแดนลบ หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรที่พุ่งขึ้นเกินคาด
ณ เวลา 20.19 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ลบ 208 จุด หรือ 0.63% สู่ระดับ 32,702 จุด
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 428,000 ตำแหน่งในเดือนเม.ย. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 400,000 ตำแหน่ง
ส่วนอัตราการว่างงานทรงตัวที่ระดับ 3.6% สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 3.5%
ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ดีดตัวขึ้นในช่วงแรกขานรับตัวเลขจ้างงานดังกล่าว ซึ่งบ่งชี้ภาวะฟื้นตัวของตลาดแรงงานสหรัฐ
อย่างไรก็ดี ล่าสุด ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ดิ่งลงกว่า 200 จุด เนื่องจากนักลงทุนวิตกว่าตัวเลขจ้างงานที่แข็งแกร่งดังกล่าวจะเป็นปัจจัยหนุนให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป
ดัชนีดาวโจนส์ทรุดตัวลงกว่า 1,000 จุดวานนี้ ขณะที่ดัชนี Nasdaq ดิ่งลงเกือบ 5% โดยดัชนีทั้ง 2 ทำสถิติทรุดตัวลงมากที่สุดภายในวันเดียวนับตั้งแต่ปี 2563 ส่วนดัชนี S&P ร่วงลง 3.5% ซึ่งเป็นการปรับตัวลงมากเป็นอันดับ 2 นับตั้งแต่ต้นปี
ทั้งนี้ ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทถูกกดดันวานนี้ จากกระแสคาดการณ์ที่ว่า เฟดอาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมเดือนมิ.ย. แม้นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด กล่าวว่าเฟดยังไม่ได้พิจารณาเรื่องการปรับขึ้นดอกเบี้ยรุนแรงขนาดนั้นก็ตาม
FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 75% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมวันที่ 14-15 มิ.ย. เพิ่มขึ้นจากระดับ 19% เมื่อเดือนที่แล้ว
นอกจากนี้ นักลงทุนยังคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยรวมมากกว่า 2.00% ในปีนี้ ซึ่งจะทำให้อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นแตะระดับ 2.85% ในช่วงสิ้นปีนี้