ตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วงลงในวันจันทร์ (9 พ.ค.) แตะระดับต่ำสุดในรอบ 2 เดือน นำโดยหุ้นกลุ่มเดินทางและสันทนาการ รวมถึงหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในจีน และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่พุ่งขึ้นได้กระตุ้นแรงเทขายหุ้น
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 417.46 จุด ลดลง 12.45 จุด หรือ -2.90%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,086.02 จุด ลดลง 172.34 จุด หรือ -2.75%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 13,380.67 จุด ลดลง 293.62 จุด หรือ -2.15% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,216.58 จุด ลดลง 171.36 จุด หรือ -2.32%
ดัชนี Stoxx 600 ร่วงลง 2.9% แตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 8 มี.ค. โดยหุ้นกลุ่มเดินทางและสันทนาการ ร่วงลง 6%
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ร่วง 5% สู่ระดับต่ำสุดของเดือนพ.ย. 2563 เนื่องจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐและยุโรปพุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบหลายปีจากการคาดว่าธนาคารกลางต่าง ๆ จะเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ
นายโรเบิร์ต โฮลซ์แมนน์ กรรมการธนาคารกลางยุโรป (ECB) เปิดเผยในช่วงสุดสัปดาห์ว่า ECB ควรจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากถึง 3 ครั้งในปีนี้เพื่อต่อสู้กับเงินเฟ้อ
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ ร่วงลง 4.4% เนื่องจากสัญญาสินแร่เหล็กของจีนดิ่งลงถึง 7% จากความวิตกเกี่ยวกับอุปสงค์ในจีน หลังการเปิดเผยข้อมูลบ่งชี้ว่าการส่งออกในเดือนเม.ย.ชะลอการขยายตัว โดยเพิ่มขึ้นเป็นเลขหลักเดียว
ดัชนี STOXX 600 ร่วงลงกว่า 5% แล้วในเดือนพ.ค. เนื่องจากนักลงทุนวิตกเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ซึ่งเป็นผลจากการที่จีนล็อกดาวน์เมืองต่าง ๆ เพื่อควบคุมโควิด, การคุมเข้มนโยบายการเงินเชิงรุก และสงครามในยูเครน และดัชนีดิ่งลง 15.6% แล้วหลังแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในเดือนม.ค.
นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากการที่ความเชื่อมั่นของนักลงทุนในยูโรโซนร่วงลงในเดือนพ.ค.สู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย. 2563 เนื่องจากสงครามในยูเครนส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจเยอรมนี
บริษัทยุโรปเกือบ 60% รายงานผลประกอบการออกมาแล้ว โดย 72% มีผลกำไรสูงเกินคาด
หุ้นรายตัวที่ร่วงลงรวมถึงหุ้นโพสต์เอ็นแอลของเนเธอร์แลนด์ซึ่งดิ่งลง 12.9% หลังปรับลดคาดการณ์ผลประกอบการทั้งปี
บรรดานักลงทุนรอการเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐในสัปดาห์นี้