ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 2 ปี เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบจากการที่บรรดาธนาคารกลางหลายแห่ง รวมถึงธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดภาคเช้าที่ระดับ 26,074.53 จุด ลดลง 244.81 จุด หรือ -0.93%, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าที่ 19,436.73 จุด ร่วงลง 565.23 จุด หรือ -2.83% ส่วนดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนปิดภาคเช้าที่ 3,009.22 จุด เพิ่มขึ้น 5.08 จุด หรือ +0.17%
รายงานระบุว่า ดัชนี MSCI ตลาดหุ้นเอเชียร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค. 2563 โดยตลาดหุ้นจีนโชว์ฟอร์มได้ต่ำสุดในบรรดาตลาดหุ้นหลักของภูมิภาคในช่วงปีนี้ โดยมีมูลค่าลดลง 21-25% เนื่องจากนักลงทุนกังวลหลังธนาคารกลางสหรัฐ, ธนาคารกลางอังกฤษ และธนาคารกลางออสเตรเลีย ประกาศปรับขึ้นดอกเบี้ยเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยตลาดยังคาดว่า แบงก์ชาติของประเทศต่าง ๆ จะใช้นโยบายการเงินแบบคุมเข้มเพิ่มขึ้นเพื่อต่อสู้กับภาวะเงินเฟ้อ
ทั้งนี้ FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า ขณะนี้นักลงทุนให้น้ำหนัก 75% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมวันที่ 14-15 มิ.ย. ซึ่งเพิ่มขึ้นจากระดับ 19% เมื่อเดือนที่แล้ว
นอกจากนี้ ตลาดยังวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจจีนชะลอตัว หลังจากรัฐบาลประกาศใช้มาตรการล็อกดาวน์เมืองสำคัญเพื่อสกัดการระบาดของโควิด-19 โดยล่าสุดทางการจีนเปิดเผยว่า ยอดส่งออกของจีนเพิ่มขึ้นเพียง 3.9% ในเดือนเม.ย. ซึ่งเป็นการขยายตัวในอัตราต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย. 2563 และชะลอตัวลงอย่างมากจากเดือนมี.ค.ที่มีการขยายตัว 14.7%
นักลงทุนยังจับตาสหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภคในวันพุธนี้ ซึ่งอาจมีผลต่อการตัดสินใจกำหนดนโยบายการเงินของเฟดในการประชุมเดือนมิ.ย.