ดาวโจนส์ร่วงกว่า 100 จุด หลังสหรัฐเผยเงินเฟ้อสูงกว่าคาด

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday May 11, 2022 20:47 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ร่วงลงกว่า 100 จุด หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อสูงกว่าคาด แม้ต่ำกว่าเดือนมี.ค. แต่ก็ยังคงใกล้ระดับสูงสุดในรอบ 40 ปี

ณ เวลา 20.35 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 32,051.07 จุด ลบ 109.67 จุด หรือ 0.34% ขณะที่ดัชนี S&P 500 ลบ 0.5% และดัชนี Nasdaq ดิ่งลงกว่า 1%

นอกจากนี้ ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทถูกกดดันจากการที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีดีดตัวขึ้นเหนือระดับ 3% ในวันนี้ หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อสูงกว่าคาด

ทั้งนี้ พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีถือเป็นพันธบัตรที่ใช้อ้างอิงในการกำหนดราคาของตราสารหนี้ทั่วโลก ซึ่งรวมถึงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนอง หากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรปรับตัวขึ้น จะทำให้บริษัทต่างๆ เผชิญกับต้นทุนที่สูงขึ้นจากการชำระหนี้ ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทเหล่านี้ลดการลงทุน และลดการจ่ายเงินปันผลแก่นักลงทุน

นักลงทุนกังวลว่าตัวเลขเงินเฟ้อที่สูงกว่าคาดจะส่งผลให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมิ.ย.เพื่อสกัดเงินเฟ้อ

กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค พุ่งขึ้น 8.3% ในเดือนเม.ย. เมื่อเทียบรายปี สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 8.1% แต่ต่ำกว่าระดับ 8.5% ในเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2524

นอกจากนี้ ดัชนี CPI เพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนเม.ย. เมื่อเทียบรายเดือน สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 0.2% แต่ต่ำกว่าระดับ 1.2% ในเดือนมี.ค.

ขณะเดียวกัน ดัชนี CPI พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน พุ่งขึ้น 6.2% ในเดือนเม.ย. เมื่อเทียบรายปี สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 6.0% แต่ต่ำกว่าระดับ 6.5% ในเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนส.ค.2525

เมื่อเทียบรายเดือน ดัชนี CPI พื้นฐานดีดตัวขึ้น 0.6% ในเดือนเม.ย. สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 0.4% และสูงกว่าระดับ 0.3% ในเดือนมี.ค.

นักลงทุนคาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า เฟดอาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมเดือนมิ.ย. แม้นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด กล่าวว่าเฟดยังไม่ได้พิจารณาเรื่องการปรับขึ้นดอกเบี้ยรุนแรงขนาดนั้นก็ตาม

สำนักข่าว CNBC รายงานว่า มูลค่าตลาดของบริษัทขนาดใหญ่ในกลุ่มเทคโนโลยีของสหรัฐได้ทรุดตัวลงรวมมากกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์ภายในเวลาเพียง 3 วัน

ทั้งนี้ ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทพุ่งขึ้นอย่างมากในวันที่ 4 พ.ค. แม้เฟดมีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในวันดังกล่าว ขณะที่นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ยืนยันว่า เฟดไม่มีแผนที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากกว่า 0.50%

อย่างไรก็ดี ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทได้ทรุดตัวลงติดต่อกัน 3 วันในวันที่ 5-6 พ.ค. และวันที่ 9 พ.ค. เนื่องจากนักลงทุนคาดว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากถึง 0.75% ในการประชุมกำหนดนโยบายการเงินในเดือนมิ.ย.เพื่อควบคุมเงินเฟ้อ แม้นายพาวเวลกล่าวก่อนหน้านี้ว่าเฟดไม่ได้พิจารณาที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากขนาดนั้นก็ตาม

การดิ่งลงของตลาดหุ้นวอลล์สตรีทในช่วง 3 วันดังกล่าวส่งผลให้มูลค่าตลาดของบริษัทขนาดใหญ่ในกลุ่มเทคโนโลยีของสหรัฐทรุดตัวลงรวมมากกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์ โดยบริษัทแอปเปิลมีมูลค่าตลาดลดลง 2.2 แสนล้านดอลลาร์, ไมโครซอฟท์ลดลง 1.89 แสนล้านดอลลาร์, เทสลาลดลง 1.99 แสนล้านดอลลาร์, แอมะซอนลดลง 1.73 แสนล้านดอลลาร์, อัลฟาเบทลดลง 1.23 แสนล้านดอลลาร์, Nvidia ลดลง 8.5 หมื่นล้านดอลลาร์ และเมตา แพลตฟอร์มส์ (เฟซบุ๊ก) ลดลง 7 หมื่นล้านดอลลาร์


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ